รีวิว ทูร์เคีย (Turkey) 7 วัน 6 คืน รวมพิกัดกิน-เที่ยว อิสตันบูล-คัปปาโดเกีย

Aumjumma & The Gang
Aumjumma
Published in
14 min readJan 28, 2024

--

รีวิว ทูร์เคีย (Turkey) ดินแดนสองทวีป เที่ยวประเทศเดียวได้เที่ยวทั้งฝั่งยุโรปและเอเชีย ชมอารยธรรมและสถาปัตยกรรมของอดีตจักรวรรดิออตโตมัน ที่สำคัญคนไทย เที่ยวได้เลยไม่ต้องขอวีซ่า 30 วัน รอบนี้อัมบินมาเที่ยว 7 วัน 6 คืน กับสายการบินแห่งชาติ การบินไทย (Thai Airways) ไปตะลุย 2 เมืองสุดฮิต ทั้งอิสตันบูล (Istanbul) และ คัปปาโดเกีย (Cappadocia) รวมพิกัดกิน-เที่ยวยอดฮิตที่ควรมาเช็กอินให้แล้ว ใครพร้อมแล้วตามมาเที่ยวด้วยกันค่ะ

เที่ยวตุรกี EP.1 คัปปาโดเกีย 3 วัน 2 คืน งบคนละหมื่น!!
เที่ยวตุรกี EP.2 อิสตันบูล 4 วัน 3 คืน รวม 13 พิกัดที่ไม่ควรพลาด

ไป อิสตันบูล (Istanbul) กับการบินไทย (Thai Airways) บินแบบ Full Service รวมกระเป๋า รวมอาหาร 2 มื้อ ที่นั่งสบาย ดูหนัง ฟังเพลง เอนนอนเพลินๆ บินตรงจากไทยแค่ 10 ชั่วโมงถึง

เนื่องจากทริปนี้เรามีเวลากันแค่ 7 วัน แต่จะเที่ยวกัน 2 เมือง อัมเลยเลือกที่จะบินตรงจากสนามบินสุวรรณภูมิ สู่ สนามบินอิสตันบูล เลยค่ะ เพื่อประหยัดเวลา รอบนี้เราบินกับสายการบินแห่งชาติ การบินไทย (Thai Airways) บินตรง 10 ชั่วโมงถึง ได้กระเป๋าเริ่มต้นที่ 20 กิโลกรัม ที่นั่งสบายปรับเอนได้เยอะ อาหารอร่อย ดูหนังแปปๆ ก็ถึงแล้ว บนเครื่องจะเป็นยังไงตามอัมไปดูกันค่ะ

โดยตัวไฟลท์บินคือดีงาม บินจาก สนามบินสุวรรณภูมิ ตอนกลางดึกๆ-ถึงสนามบิน อิสตันบูล (Istanbul) ช่วงเช้าตรู่พอดี อันนี้ถือว่าดีมากๆ เพราะว่าเราเลือกที่จะไป คัปปาโดเกีย (Cappadocia) วันแรกเลย ต้องไปต่อเครื่องในประเทศอีกสนามบินนึง ทำให้เวลาที่เราไปถึงนั้นมีเวลาสบายๆ ไม่รีบเร่งมาก ในการเดินทางไปอีกสนามบิน

ส่วนขากลับบินกลับก็บินออกจาก อิสตันบูล (Istanbul) ช่วงบ่ายสี่ครึ่ง ถึงที่สนามบินสุวรรณภูมิตอนเช้าพอดี ข้อดีคือวันกลับเรามีเวลาเที่ยวอีกครึ่งวันเช้า ส่วนเวลากลับก็เป็นช่วงเย็น พอทานข้าวเสร็จก็นอนได้ยาวๆ เลย ถึงไทยตอนเช้าไม่รู้สึกเหนื่อยมาก

ส่วนเครื่องบิน การบินไทย (Thai Airways) ที่บินรูทนี้จะเป็นรุ่น Airbus A350–900 โดยตัวที่นั่ง Ecomomy ก็จะจัดเรียงแบบ 3–3–3 ที่นั่งคือสบายเลยนะ พอกดเอนไป นี่เอนได้เยอะเลย นั่งสบาย แฟนอัมตัวใหญ่ๆ เข่าก็ไม่ได้ติดที่เบาะหน้านะ มีหมอน ผ้าห่ม หูฟังให้เรียบร้อย มีเบาะรองคอปรับให้ล็อคคอไม่ไหลได้

สิ่งที่ทำให้ 10 ชั่วโมงบินตรงนั้นไม่น่าเบื่อ ขอยกให้จอ PTV นี่แหละ ที่มี (In-Flight Entertainment) ถือว่าจัดเต็มอยู่ กว้างประมาณ 11 นิ้ว ดูหนังได้สบายๆ มีให้เลือกเยอะอยู่ จอเป็นแบบ Touch Screen ใช้งานง่าย สามารถเลื่อนเลือกหนัง เพลง เกมส์ TV แผนที่ มีจอยสติ๊กควบคุมกดง่ายอยู่ ตัวจอเสียบชาร์จมือถือได้ด้วยค่ะ

สำหรับอาหาร อันนี้ต้องขอปรบมือให้ คาว-หวานครบ รสชาติถูกปากคนไทย มื้อแรกตอนไปเป็นกะเพราหมูสับไข่ดาว ขนมปัง สลัด ขนมหวาน มีให้ครบ มื้อเช้าเป็นออมเล็ต ไส้กรอก โยเกิร์ต ผลไม้ ขนมปัง เรียกได้ว่าอิ่มอร่อยกันแบบฟินๆ เลยจ้า เครื่องดื่มก็มีให้น้ำผลไม้ Softdrink แอลต่างๆ ชา-กาแฟครบ

สุดท้ายเรื่องการบริการ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ประทับใจทุกครั้งเมื่อบินกับ การบินไทย (Thai Airways) พี่ๆ น้องๆ แอร์คนไทยบริการดูแลดีมาก ถามไถ่เราตลอดว่าต้องการอะไรเพิ่มมั้ย บินกับการบินไทยดูแลโดยคนไทยด้วยกัน ก็จะอุ่นใจประมาณนี้เลย บินกลับไทยแบบฟินๆ

ใครสนใจเช็กรายละเอียด จองตั๋ว การบินไทย (Thai Airways) ได้ที่นี่ค่ะ
https://bit.ly/48okTLX

ทำการบ้านก่อนไป สิ่งควรรู้ก่อนไปเที่ยวประเทศ ทูร์เคีย (Turkey)

1.) เที่ยว ทูร์เคีย (Turkey) ไม่ต้องขอวีซ่า แค่พก Passport ก็เที่ยวได้แล้ว คนไทยสามารถอยู่ได้ไม่เกินครั้งละ 30 วัน และอายุ Passport ต้องไม่ต่ำกว่า 6 เดือน

2.) ทูร์เคีย (Turkey) ใช้เงินสกุลลีรา (TRY) ค่าเงินไม่แรงมาก แต่ผันผวนตามค่าเงินเฟ้อ ตอนอัมไปค่าเงินอยู่ที่ 1 ลีรา = 1.30 บาท โดยประมาณ ค่าข้าว 1 มื้อประมาณ 200–350 รีลา ใครไม่อยากได้เหรียญมาเก็บเยอะๆ แนะนำใช้บัตร Travel Card จ่ายแทนได้

3.) เวลาใน ทูร์เคีย (Turkey) ช้ากว่าบ้านเรา 4 ชั่วโมง หน้าหนาว (พฤศจิกายน — มีนาคม) แค่ 16.30 น. พระอาทิตย์ก็ตกแล้ว

4.) การเดินทางสะดวก มีทั้งรถไฟใต้ดิน รถราง รถแท็กซี่ สำหรับใครไม่อยากเรียก Taxi เองกลัวสื่อสารไม่ได้ แนะนำให้โหลด App Uber ผูกบัตร Travel Card ไว้ใช้ได้เลย

5.) บัตรคู่ใจคนที่เน้นเดินทางด้วยรถสาธารณะ ก็สามารถซื้อบัตร Istanbul Card ไว้ใช้ได้เลย ราคาจะถูกกว่ารายเที่ยว และหนึ่งใบบัตรหนึ่งใบสามารถใช้ได้หลายคน วิธีการใช้คือแตะที่เครื่องสแกนบัตรแล้วให้เดินผ่านเข้าไปทีละคน โดยแตะหนึ่งครั้งผ่านเข้าไปหนึ่งคนจนถึงคนสุดท้าย ตู้ซื้อบัตรจะหน้าตาเหมือนในรูปแบบนี้เลย

แจกแพลนเที่ยว ทูร์เคีย (Turkey) : อิสตันบูล (Istanbul) และ คัปปาโดเกีย (Cappadocia) 7 วัน 6 คืน

วันแรก : BKK-IST (บินตรงการบินไทย) + บินในประเทศ ต้องเปลี่ยนสนามบินจาก IST ไปยัง SAW เพื่อบินไปสนามบินKAY พอถึงเช่ารถตู้ไปส่งที่เมือง Gorome + นั่ง jeep Safari Tour + กินข้าวร้าน Meihua Chinese Restaurant + เช็คอินโรงแรม Henna Konak Hotel

วันที่สอง : เช่ารถ Classic Car ไปถ่ายรูปคู่บอลลูน + ไปถ่ายรูปร้านพรมสุดดัง Galerie Ikman + เที่ยว Goreme Open Air Museum + ถ่ายรูปที่ฝั่งตรงข้ามของ Zelve Open Air Museum + ถ่ายรูปหินอูฐที่ ที่ Imaginary Valley + ไปคาเฟ่วิวปัง ETHEM USTANIN YERİ SEYİR TEPESİ + กินข้าว Oscar Steak House

วันที่สาม : เช็คเอาท์ นั่งรถตู้ไปสนามบิน KAY เพื่อบินไปยังสนามบิน SAW + นั่งรถตู้ไปเช็คอินโรงแรม Antusa Palace Hotel and Spa + กินข้าวร้าน Lekker

วันที่สี่ : เที่ยว Hagia Sophia + เดินชมจัตุรัสสุลต่านอาห์เมด Hippodrome + Blue Mosque + ไปกินข้าวและถ่ายรูปกับนกนางนวล Seven Hill Cafe + เดินตลาด Grand Bazaar + นั่งเรือชมช่องแคบอสฟอรัส + เดินตลาด Spice Market

วันที่ห้า : หอคอย Galata Tower + เที่ยวมัสยินออร์ทาคอย + กินข้าว Yelken cafe+ พระราชวัง Dolmabahçe + เดินเล่นที่Taksim Square

วันที่หก : ไปเที่ยว มัสยิดซิวเลย์มานีเย + ไปเดินเล่นย่าน Balat

วันที่เจ็ด : เช็คเอาท์โรงแรม นั่งรถตู้ ไปสนามบิน IST บินกลับไทยโดยการบินไทย

วันแรก จากอิสตันบูล (Istanbul) สู่คัปปาโดเกีย (Cappadocia) นั่งรถ Jeep Safari Tour ไปถ่ายรูป ชมวิวพระอาทิตย์ตก

จากอิสตันบูล (Istanbul) สู่ คัปปาโดเกีย (Cappadocia) นั้นเราเลือกประหยัดเวลาเลยเลือกบินภายในประเทศ ต้องไปขึ้นที่ สนามบินอิสตันบูล ซาบิฮา กุคแซง (SAW) ซึ่งห่างจากสนามบิน อิสตันบูล (Istanbul) ประมาณ 50 กิโลเมตร เราเลือกบินอีกที 11 โมงกว่า ดังนั้นใครบินมาถึงแล้วอย่ามัวโอ้เอ้นะ เพราะการจราจรนั้นค่อนข้างรถติด ควรเผื่อเวลาขึ้นเครื่องไว้ซักหน่อย หลังจากนั้นบินประมาณ 90 นาที ก็ถึงแล้ว แต่ต้องนั่งรถต่อเข้าเมือง Gorome อีกประมาณ 50 นาที เพื่อไปยังที่พัก

ด้วยความที่ทริปนี้เรามากัน 6 คน ก่อนจะบินมาเรามีติดต่อ บริษัท Moongleam Travel ซึ่งมีเจ้าของเป็นคนไทย ชื่อคุณฝน เค้าไว้แล้วว่าให้เลือกเช่ารถพร้อมคนขับมารับเราตั้งแต่สนามบิน และเวลาที่เหลือ เราอยากนั่ง Jeep Safari Tour ไปหามุมถ่ายรูปสวยๆ กันซักหน่อย เลยช่วยประหยัดเวลาได้ประมาณนึง เพราะเค้าจะเอากระเป๋าไปส่งที่โรงแรมเราให้ ส่วนตัวเรานั้นไปนั่ง Jeep เที่ยวได้เลย

โดยเจ้า Jeep Safari Tour คือเค้าจะเอารถ Jeep 4WD มารับ ระหว่างขับก็เปิดเพลงสนุกๆ บิ้วท์อารมณ์ แต่เปิดไม่เคยจบเพลงนะ เปลี่ยนตลอด ถนนดีดีก็จะไม่ค่อยขับ ขับพาเราไปขอบหินข้างทางมั่ง พาเราขึ้นลงเนินมั่ง หวาดเสียวเล็กๆ แต่สนุกดีนะ 555

หลังจากพาไปหามุมสวยๆ ถ่ายรูปกัน เค้าจะพาเราไปถ่ายประมาณ 3–4 จุด (Ibrahimpasa, Ortahisar, Mustafapasa Village, Gomeda Valley) และพามาชมพระอาทิตย์ตก วิวสวยอยู่นะ เราจะมองเห็นวิวเมือง และวิวปราสาทหินโบราณ Uchisar Castle พร้อมเปิดแชมเปญฉลองกัน เป็นอันจบทริปวันแรกแบบสมบูรณ์

ใครสนใจ Jeep Safari Tour ราคาจะอยู่ที่ 1 คัน 120 ยูโร 4 ท่านต่อคัน (โปรโมชั่น 2 คันขึ้นไปเหลือคันละ 100 ยูโร 4 ท่านต่อคัน) ราคานี้เป็นบอกว่ามาจากเพจ อัมจุมม่า ได้เลยนะ ได้จนถึงเดือนตุลาคมปี 2024 ติดต่อคุณฝน บริษัท Moongleam Travel ได้นะ เค้าเป็นคนไทยเลย มีแฟนเป็นคนทูร์เคีย เช็คราคาก่อนได้จ้า

มื้อเย็นวันนี้ หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน เปิด Google ดูร้านอาหารรอบๆ แล้วมาจบที่ร้านอาหารจีนชื่อ Meihua Chinese Restaurant ดูจากในรีวิวได้คะแนนเยอะอยู่ พอสั่งมาพวกข้าวผัดคืออร่อยมาก จานนึงใหญ่อยู่นะ แต่เมนูที่อยากให้ลองคือ หม่าล่าเนื้อจ้า เผ็ดถูกใจคนไทย ฟินมากแก้หนาวได้สุดๆ

Meihua Chinese Restaurant
เวลาเปิด-ปิด 11.30–22.30 น.
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/WHv5ynYXgn8HbxkE8

Henna Konak Hotel ราคาใช้ได้ คืนละ 2,200+ ฟีลเหมือนนอนโรงแรมถ้ำ รวมอาหารเช้า มี Rooftop สวยถ่ายวิวบอลลูนได้ อยู่ใจกลางเมือง Gorome

สำหรับที่พักใน คัปปาโดเกีย (Cappadocia) เรานอนที่ Henna Konak Hotel มันมีสาเหตุที่เราเลือกที่นี่เพราะว่า ด้วยความที่มาหน้าหนาว เราไม่แน่ใจว่าบอลลูนจะขึ้นมั้ย แต่โรงแรมนี้มี Rooftop วิวสวย ในกรณีถ้าบอลลูนไม่ขึ้น เราก็จะถ่ายรูปกันที่โรงแรมนี่แหละ จะได้ไม่ต้องไปเช่า Rooftop ที่ไหนถ่าย และด้วยความเป็นโรงแรมใหม่ที่อยู่ใจกลางเมือง ก็เลยเดินทางสะดวก เดินไปร้านของชำได้ หาข้าวกินในเมืองง่าย ก็เลยมาเลือกกันที่นี่

ห้องนอนคือโอเคเลยนะ ฟีลได้เหมือนนอนในโรงแรมถ้ำแต่ไม่มีฝุ่นไม่มีทรายหล่นมา เตียงนุ่มนอนสบาย ที่พักมีฮีตเตอร์ มีทีวี ตู้เย็น ตู้เชฟ ห้องน้ำแยกโซน มีน้ำร้อน ชักโครกมีที่ฉีดก้นสไตล์ทูร์เคีย มีไดรฟ์เป่าผม ถือว่าโอเคเลย

ส่วนอาหารเช้าไลน์อาหารคือเยอะอยู่ จะเป็นพวก ขนมปังต่างๆ แยม แฮม ผลไม้แห้ง มีไข่ต้มให้กินทุกวัน แนะนำเอาแม้กกี้มาด้วย 55 มีมันฝรั่งทอด ชาทูร์เคีย น้ำผลไม้ต่างๆ สลัดมีครบ กินไข่วันละ 3–4 ฟอง

จองโรงแรม Henna Konak Hotel
ได้ที่นี่ >>
https://agoda.tp.st/vGk9taju

จองโรงแรม คัปปาโดเกีย (Cappadocia) ราคาพิเศษ คลิ๊กเลย https://agoda.tp.st/jBlq6SCz

วันที่สอง มหัศจรรย์ฟ้าเป็นใจ นั่งรถคลาสสิคไปถ่ายรูปคู่กับบอลลูนกัน

เป็นอะไรที่ดีใจและลุ้นมาก เนื่องจากเรามีเวลาแค่สองคืนเท่านั้นที่ คัปปาโดเกีย (Cappadocia) ซึ่งปกติช่วงหน้าหนาว โอกาสที่บอลลูนจะขึ้นน้อยมาก ก่อนหน้าวันที่เราไปบอลลูนก็ไม่ขึ้น แต่วันที่เราไปปรากฏว่า…บอลลูนขึ้นจ้า!! โชคดีกันสุดๆ เพราะมีเพื่อนเราบางคนมา 3 วัน บอลลูนไม่ขึ้น 3 วันก็ยังมี

โปรแกรมวันนี้คือรถตั้งแต่เช้าตรู่เลย ความเก๋ก็คือเป็นรถคลาสสิคสมัยก่อนเลย เปิดประทุนเก๋ๆ จ้า แล้วด้วยความไปถ่ายกับบอลลูนก็อยากจะสวยใช่ป่ะ ใส่ชุดเดรสกรุยกราย แนะนำให้เอาเสื้อหนาวตัวอุ่นๆ ใส่ไปด้วยน้า เพราะรถเปิดประทุน ลมโกรกมากจ้า 555 อากาศก็เย็นมาก แต่สู้นะ จุดแรกจะเป็นตรงที่เค้าเตรียมขึ้นบอลลูนกัน ตรงนี้ก็จะสวยตอนที่เค้าอัดไฟเข้าบอลลูน

เสร็จแล้วเค้าจะขับพามาจุดถัดไป จะอยู่บนเนินเขา โอย วิวคือสวยมากกกแกร มาเห็นกับตาแล้วน้ำตาจะไหล บอลลูนค่อยๆ ขึ้น เป็น Background ให้กับภาพของเรา ถ่ายกันอย่างเมามันจนเวลาผ่านไปแบบไม่รู้ตัว มันสวยเหมือนภาพวาดเลย ใครจะมา คัปปาโดเกีย (Cappadocia) อย่าลืมพกดวงมาด้วยนะ

จนพระอาทิตย์ทอแสง บอลลูนที่ขึ้นก็ลงกันจนเกือบหมด ถ่ายรูปกันจนเกือบเม็มเต็ม ก็ได้เวลากลับ วิวแบบนี้เลยแกร โคตรคลาสสิค ถือว่าทริปนี้ฟินละ มีบอลลูนไปอวดเพื่อน ไม่ต้องรีทัชใส่เองละ 55

ส่วนราคา Classic Car จะอยู่ที่ 1 คัน 120 ยูโร ได้ 4 คนต่อคัน โดยเค้าจะพาเราไปถ่ายรูปได้ 2 ชั่วโมง ซึ่งเส้นทางจะเปลี่ยนไปตามที่บอลลูนขึ้น สมมุติว่าถ้าบอลลูนไม่ขึ้น เค้าก็จะพาเราไปถ่ายกับวิวภูเขาแทนนะ (โปรโมชั่นถ้าแจ้งว่ามาจากเพจ อัมจุมม่าถ้าจอง 2 คันขึ้นไปเหลือคันละ 100€ 4 ท่านต่อคัน) จนถึงเดือนตุลาคมปี 2024!!) ติดต่อคุณฝนได้เลยจ้า Line : @moongleamtravel

ร้านพรมสุดปัง Galerie Ikman ไปถ่ายรูปกับร้านพรมที่ดังที่สุดใน คัปปาโดเกีย (Cappadocia)

Galerie Ikman นี่คืออีกหนึ่งจุดถ่ายรูปสุดปังแห่ง คัปปาโดเกีย (Cappadocia) เลย จะเห็นคนมาถ่ายลง Instagram กันเพียบ เป็นร้านขายพรมชื่อดังที่ดันมีมุมถ่ายรูปให้เช่าถ่ายแบบสวยตาแตก ใครมาคัปปาโดเกียต้องใส่ลงลิสต์นะแม่ เริ่มต้นถ่ายได้ 10 นาทีประมาณ 570+ บาท

ของอัมไปกัน 6 คน เลยจ่ายเหมารอบเลยคนละ 15 ยูโร ถ่ายได้ 30 นาที แต่ถ้าใครถ่ายรวมกับคนอื่น เค้าให้เวลา 10 นาที 15 ยูโร หรือถ้าอยากให้ทางร้านถ่ายให้ก็ได้ เค้าถ่ายสวยอยู่นะแต่ราคาก็แรงนิดนึง จะมีถ่ายมุมโดรนด้วยนะ ได้ 20 รูป ที่ร้านได้วีดีโออีก 3 คลิป มีมุมโดรนด้วยนะคนละ 50 ยูโร

Galerie Ikman
เปิดทุกวัน 09.00–21.00 น.
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/uf6XXsY1E3ThxCGW8

Goreme Open Air Museum ชมโบสท์ถ้ำหิน สะท้อนเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของบรรพบุรุษชาวคัปปาโดเชียน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก (Unesco)

ช่วงเที่ยงๆ เรามาเที่ยวกันต่อที่ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม (Goreme Open Air Museum) ห่างจากเมือง Goreme ไม่ไกลแค่ 1.6 กิโลเมตร เท่านั้น โดยมีค่าเข้าอยู่ที่คนละ 480 รีลา (558+ บาท) พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งนี้เกิดขึ้นจากการขุดเจาะถ้ำหินหลายลูกเพื่อทำเป็นโบสถ์สำหรับเป็นศูนย์รวมของผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ในอดีต

ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์แบบเปิดที่แสดงเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของบรรพบุรุษชาวคัปปาโดเชียน (Cappadocian) ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งในเขตอุทยานแห่งชาติเกอเรเมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1985 ในอดีตเป็นถิ่นฐานที่ตั้งของผู้คนตั้งแต่ก่อนคริสตกาล

ที่นี่ยังเป็นสถานที่ซึ่งชาวคริสเตียนยุคแรกใช้หลบหนีภัยการล่าสังหารจากจักรวรรดิโรมัน ก่อนที่คริสต์ศาสนาจะได้รับการประกาศให้เป็นศาสนาประจำชาติของจักรวรรดิอีกด้วย โดยภายในถ้ำถูกออกแบบให้ผนังสูง โค้ง ตกแต่งด้วยรูปปั้นจิตรกรรมฝาผนังแบบเฟรสโก ทาสีแดง ส่วนของกำแพงโบสถ์นั้นก็ถูกเจาะเป็นรูปทางเรขาคณิต โดยไฮไลท์จะอยู่ที่ Karanlik Kilise (Dark Church) เนื่องจากมีภาพวาดฝาผนังที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี รวมถึงสำนักชีที่ภายในมีโบสถ์ ห้องรับประทานอาหาร ห้องครัว และห้องอื่นๆ อีกมากมายในพื้นที่ 7 ชั้น แต่ก็จะมีค่าเข้าเพิ่มเติมนะ สำหรับคนที่อยากมาเดินให้ทั่วต้องมีเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม (Goreme Open Air Museum)
เปิดทุกวัน : 08.00–19.00 น.
ค่าเข้าชม : คนละ 480 รีลา (558+ บาท)
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/LWgVKug6GRiY2j5y5

มุม(ไม่)ลับ จุดถ่ายรูปฟรี! อยู่ฝั่งตรงข้าม Zelve Open Air Museum

หลังจากโดนที่แรกไป 550+ กว่าบาท เราเลยหาจุดถ่ายรูปใหม่ที่เข้าฟรีกันบ้างดีกว่า สุดท้ายมาได้ที่ฝั่งตรงข้ามของ Zelve Open Air Museum ใครชอบความอลังการ เดินเข้าไปนิดเดียวจะมีแนวหินใหญ่ที่เราดูเหมือนหินพญานาค หรือหอยตัวโตเหมือนกันนะ ใครเห็นเป็นตัวอะไร เม้นท์มาบอกกันได้ ตรงนี้จอดรถถ่ายได้เลยไม่เสียค่าเข้า

เดินมาอีกฝั่งก็จะเจอ เหมือนถ้ำหินที่เหมือนบ้าน ซึ่งสถานที่ตรงนี้ก็เคยเป็นเหมือนถ้ำที่อยู่อาศัยสมัยก่อนที่มีคนเคยอยู่กันจริงๆ นะ เป็นอีกจุดที่อัมว่าสวยดี ใครผ่านมาแถวนี้ลองมาถ่ายรูปเล่นกันได้ค่ะ หรือถ้าใครอยากชม Zelve Open Air Museum ก็จะอยู่ฝั่งตรงข้ามค่ะ จะเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่มีอายุถึง 500 ปีที่สร้างขึ้นในยุคไบแซนไทน์ให้ชมด้วยค่ะ

ฝั่งตรงข้าม Zelve Open Air Museum
เปิดทุกวัน : 24 ชั่วโมง
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/Sjd4tbBA9EV3uvjg9

แวะถ่ายรูปกับหินรูปอูฐ แลนด์มาร์คดังแห่งหุบเขาแห่งมโนคติ (Imaginary Valley)

ก่อนที่เราจะไป ปราสาทหินโบราณ Uchisar Castle เราก็แวะกันถ่ายรูปหินรูปอูฐกันที่ หุบเขาแห่งมโนคติ (Imaginary Valley) โดยบริเวณ หุบเขาเดฟเรนท์ (Devrent Valley) จะมีหินรูปทรงแปลกๆ เพียบให้เราได้จินตนาการว่าคล้ายกับสัตว์อะไร แต่หินที่ชัดเจนที่สุดจะเป็นก้อนนี้ที่รูปร่างเหมือนอูฐนั่นเอง ตรงนี้มีที่จอดรถ มีของที่ระลึก เครื่องดื่มจำหน่ายด้วยนะคะ

หุบเขาแห่งมโนคติ (Imaginary Valley)
เปิดทุกวัน : 24 ชั่วโมง
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/o1dqpL6ZipnJGnGb7

ETHEM USTANIN YERİ SEYİR TEPESİ ร้านคาเฟ่วิวสุดปัง มองเห็นปราสาทหินโบราณ Uchisar Castle ได้แบบ 180 องศา

แวะคาเฟ่กันบ้างที่ ETHEM USTANIN YERİ SEYİR TEPESİ ที่นี่เป็นคาเฟ่วิวดีม้าก คือมองเห็นทั้งโซนของปราสาท ปราสาทหินโบราณ Uchisar Castle แบบ 180 องศาได้เลย สวยคลาสสิคมาก โดยตัวคาเฟ่เค้ามีที่ถ่ายรูปหลายมุมเลยนะ นอกจากนั้นใครอยากลองกาแฟทูร์เคียแบบต้นตำรับก็มาลองที่นี่ได้เลย โดย ปราสาทหินโบราณ Uchisar Castle ที่เราเห็นเนี่ยเป็นปราสาทหินธรรมชาติที่ถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยโรมันไบเซนไทน์ ในสมัยก่อนใช้เป็นป้อมปราการ เอาไว้เตือนภัย เอาไว้ดูข้าศึกต่างๆ รูปทรงคือเก๋มาก ดูดิบๆ หน่อย

คาเฟ่ ETHEM USTANIN YERİ SEYİR TEPESİ
เปิดทุกวัน : 07.00–24.00 น.
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/9aV2SVVYCpyBsxqY8

แวะกินเสต็กที่ Oscar Steak House หนึ่งในร้านที่อร่อยที่สุดใน คัปปาโดเกีย (Cappadocia) ระเบียงร้านวิวสวยม้าก

หลังจากเที่ยวรอบๆ กันจนหนำใจแล้ว ที่สุดท้ายก็ขอมาฝากท้องกันที่ร้าน Oscar Steak House เค้าบอกว่าเป็นหนึ่งในร้านสเต็กที่อร่อยที่สุดใน คัปปาโดเกีย (Cappadocia) เลยนะ ตัวร้านด้านนอกอาจจะดูธรรมดา

แต่พอมานั่งตรงระเบียงคือสวยเว่อร์ มองเห็นวิวภูเขารูปร่างแปลกตาอยู่รอบๆ และมองเห็นวิวเมืองด้วย ตอนบ่ายๆ คือแสงสวยเว่อร์ นอกจากอิ่มท้องแล้วยังได้ถ่ายรูปกันแบบฟินๆ อีก ใครร้านอาหารสวยๆ วิวดีดีแนะนำที่นี่เลย

มีสเต็กให้เลือกเยอะมาก ราคาก็ถือว่าโอเคอยู่นะ เริ่มต้นอย่าง T-Bone 350 กรัม ก็แค่ 640 รีลาเท่านั้น เสิร์ฟมาพร้อมเฟร้นฟรายส์ กรอบ ไม่อมน้ำมัน สั่งเลือกระดับความสุกได้ แค่จิ้มกับเกลือพริกไทยก็ฟินสุดๆ

Oscar Steak House
เปิดทุกวัน : 12.00–23.30 น.
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/7K3DwxyiWYW2Wmdu8

เดินทางสะดวก นั่งรถตู้ VIP ไม่ต้องกลัวตกเครื่องจากสนามบิน อิสตันบูล (Istanbul) หรือจากโรงแรมสู่ สนามบิน อิสตันบูล (Istanbul) ราคาไม่แรง เจ้าของเป็นคนไทย

เนื่องจากเราไปกัน 6 คน เพื่อความสะดวกในการไปถึงสนามบินเมือง Kayseri (KAY) เพื่อไป Cappadocia เราใช้บริการทัวร์และรถรับส่งสนามบิน Moon Gleam Travel เพราะเคยได้ยินมาจากหลายคนว่า อิสตันบูล (Istanbul) คือรถติดหนักมาก อาจจะตกเครื่องได้ เราเลยเลือกใช้ทั้งตอนไปจากสนามบิน Istanbul >> Kayseri และ จากโรงแรมที่ อิสตันบูล ไปสนามบิน อิสตันบูล (Istanbul) โดยราคามีดังนี้ค่ะ

รถรับสนามบินที่ อิสตันบูล (Istanbul)
รถ Private Sabiha , İstanbul Airport (เหมา) Vip 8 ที่นั่ง รอบละ 90€
Sprinter 12 ที่นั่ง รอบละ 150€

รถรับสนามบินที่ Cappadocia ไปยังโรงแรมในเมือง Gorome
-Regular รอบละ 15€/ท่าน (สนามบิน Kayseri/Nevsehir)
-Private(เหมา) รอบละ 130€ (Nevsehir)
-Private(เหมา) รอบละ 160€ (Kayseri)

ติดต่อคุณฝน บริษัท Moongleam Travel ได้นะ เค้าเป็นคนไทยเลย มีแฟนเป็นคนทูร์เคีย เช็คราคาก่อนได้จ้า LINE OFFICIAL: @MOONGLEAMTRAVEL / WHATSAPP: +905532019789

Antusa Palace Hotel and Spa ที่พักสุดคุ้มใน อิสตันบูล (Istanbul) อยู่ย่าน Sultanahmet ใกล้รถรางแค่ 5 นาทีใกล้ร้านของชำ นอนที่นี่ 4 คืนเลย

ต้องบอกว่าเราโชคดีมาก ตั้งแต่วันที่เราไปถ่ายกับบอลลูน ก็อากาศไม่ค่อยดี ทำให้บอลลูนไม่ขึ้นเลยหลังจากนั้น ดีนะที่เรายังได้รูปกลับมา เพราะวันสุดท้ายนั้นก่อนกลับ สรุปว่าฝนตกอีกด้วย หลังจากบินกลับจาก คัปปาโดเกีย (Cappadocia) กลับสู่ อิสตันบูล (Istanbul) กว่าจะถึงที่พักก็ค่ำแล้ว

เราพักกันที่โรงแรม Antusa Palace Hotel and Spa ย่าน Sultanahmet ซึ่งอยู่ใกล้กับ Hagia Sophia และ Blue Mosque เดินได้แค่ 5 นาทีถึง แถมใกล้รถรางด้วย สถานี Sultanahmet ทำให้เดินทางไปไหนค่อนข้างสะดวก เพราะรถรางไม่มีรถติด

ห้องของ Antusa Palace Hotel and Spa ที่เราจองรอบนี้เป็นห้อง Corner Deluxe Room ห้องใหญ่อยู่นะ วางกระเป๋าได้สบายๆ เตียงเป็นแบบกลมจ้า แต่นอนสบาย มีระเบียงสองฝั่งเลย เป็นระเบียงเล็กๆ มีโต๊ะทำงาน มีทีวี ตู้เย็น กาน้ำร้อน ตู้เสื้อผ้าให้ครบ ส่วนห้องน้ำก็กว้างนะ แยกโซนเปียกโซนแห้ง มีชักโครกพร้อมที่ฉีดชำระแบบทูร์เคีย โดยรวมจ่ายไปคืนละ 2000+ ถือว่าโอเคเลย โรงแรมมีลิฟท์นะ

จองโรงแรม Antusa Palace Hotel and Spa
ได้ที่นี่ >>
https://agoda.tp.st/L9azCF1L

จองโรงแรม อิสตันบูล (Istanbul) ราคาพิเศษ คลิ๊กเลย https://agoda.tp.st/nqC7ybA5

อีกหนึ่งข้อดีคือ หน้าโรงแรมจะมีร้านอาหารชื่อ Lekker ซึ่งถ้าเป็นแขกโรงแรมจะมีคูปองส่วนลดให้ 10% ตอนแรกก็คิดว่าราคาแรง แต่พอเดินสำรวจคือร้านอื่นรอบๆ ก็เรท 300–400 หมดต่อจาน สรุปเดินกลับมาที่ร้าน เจ้าของร้านบอกว่า มาๆ ผมลดให้คุณจาก 10% เป็น 20% อ้าวแบบนี้ก็เข้าไปนั่งกันเลยจ้า แล้วเค้าไม่ได้กะหลอกนักท่องเที่ยวแบบเรานะ อาหารคืออร่อยอีกด้วย อย่างพวกเคบับ เค้าจะขายเป็น Set จานนึงก็ประมาณ 300+ แต่ที่สำคัญคือพอกินเสร็จ ลดราคาไม่พอ แถมบัคลาวา แถมชาให้ฟรีอีก เราเลยฝากท้องไว้ที่นี่ทุกวันเลย และเค้าก็ลด 20% ให้ทุกวันเลย >///<

แล้วที่ต้องเขียนถึงคือ เค้าใจดีกับพวกเราจิงๆ วันนั้นกลับดึก ว่าจะขึ้นไปห้องก่อน เค้าเดินมาบอกเลยว่ามาๆ ถ้าพวกยูกินข้าวแล้ว แวะมากินชา กินบัคลาวาก่อน แล้วเค้าก็ไปเอามาเสิร์ฟให้เราฟรีๆ คนละชุด แถมชานี่เติมฟรีได้ด้วย คือน่ารักมากใครไปนอน Istanbul เราแนะนำร้านนี้เลย

โรงแรม Antusa Palace Hotel and Spa และ ร้านอาหาร Lekker
ร้านอาหารเปิดทุกวัน : 12.00–01.00 น.
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/NXMmgL3A1noTzUKMA

ฮาเกียโซเฟีย (Hagia Sophia) มหาวิหารหลวงอายุกว่า 1,400 ปี 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง ที่ใครมาทูร์เคีย (Turkey) ต้องมาชมซักครั้ง

หนึ่งในแลนด์มาร์คของ อิสตันบูล (Istanbul) ที่ห้ามพลาด นั่นคือ ฮาเกีย โซเฟีย (Hagia Sophia) เพราะเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของโลก เมื่อ 1,400 ปีมาแล้วโบสถ์ที่เห็นในปัจจุบันนั้น สุเหร่าโซเฟีย เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่ยังหลงเหลืออยู่ ของสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ ภายในสุเหร่ามีความกว้างขวาง และมีโครงสร้างที่ซับซ้อน วิหารถูกปกคลุมด้วย โดมกลางที่มีความสูง 55.6 เมตร จากระดับพื้น และรอบฐานของโครงสร้างวาง อยู่บนโค้งประตู 40 บาน เพื่อช่วยลดน้ำหนัก และเสริมความแข็งแรง ของโครงสร้างของโดม โดยไม่มีเสาค้ำ

หลังจาก จักรวรรดิออตโตมันพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิลในปี 1453 ฮาเกีย โซเฟีย (Hagia Sophia) ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นมัสยิด โดยมีการสร้างเสา Minaret ขึ้นมา 4 มุม โดยการนำระฆัง, แท่นบูชา, วัตถุอื่นๆ รวมถึงภาพโมเสคถูกนำออกไป และเพิ่มสัญลักษณ์ทางศาสานาอิสลาม ถูกนำเข้ามาแทนที่ จนต่อมา ฮาเกีย โซเฟีย (Hagia Sophia) ได้ถูกดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ ตามคำสั่งของ มุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก (Mustafa Kemal Atatürk) ซึ่งเป็นประธานาธิบดีทูร์เคียคนแรก และเป็นผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐทูร์เคีย

แม้ว่าที่นี่เป็นสถานที่เดียวในโลกที่เห็นสองศาสนาอยู่ภายใต้อารามศักดิ์สิทธิ์เดียวกัน แต่ท้ายที่สุด วันที่ 24 กรกฎาคม 2020 ประธานาธิบดี เรเซป เทย์ยิป เออร์โดกันก็ประกาศเปลี่ยน ฮาเกีย โซเฟีย (Hagia Sophia) จะกลับไปเป็นมัสยิดอีกครั้งจนถึงปัจจุบันนี้ หลังอยู่ในฐานะพิพิธภัณฑ์มานานกว่า 86 ปี สำหรับคนที่จะมาการแต่งกาย ผู้ชายต้องใส่กางเกงขายาวนะคะ ส่วนผู้หญิงต้องนำผ้ามาคลุมศีรษะด้วยค่ะ

ฮาเกีย โซเฟีย (Hagia Sophia)
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/Nmg4FMLMAZvLYWoRA

เติมพลังยามเช้าด้วยสตรีทฟู้ด สไตล์ ทูร์เคีย (Turkey)

สำหรับ ทูร์เคีย (Turkey) นี้เราจะเห็นสตรีทฟู้ดแค่ไม่กี่อย่าง และเค้าก็จะขายเหมือนๆ กันด้วยนั่นคือ ข้าวโพดนึ่ง + ข้าวโพดปิ้ง จะอยู่ฝักละ 25 รีลา อันนี้เหมือนบ้านเราเลย ส่วนอีกอย่างก็จะเป็นเกาลัดปิ้ง เค้าจะไม่ได้คั่วแบบบ้านเรา เม็ดนึงใหญ่กว่า รสชาติคล้ายๆ กัน 100 กรัม 50 รีลา และสุดท้ายจะเป็น SIMIT ขนมปังที่ทำเป็นรูปวงแหวนโรยงา มีแบบผ่าใส่ไส้นูเทลล่าด้วย นี่ก็เป็นอีกหนึ่งอาหารว่างยอดนิยมของชาวทูร์เคีย ฟีลประมาณเบเกิล

Hippodrome หรือจัตุรัสสุลต่านอาห์เมต อดีตเคยเป็นสนามแข่งม้า ศูนย์กลางของเมืองในยุคไบแชนไทน์

ก่อนจะเดินมาถึง Blue Mosque เราก็แวะกันที่ Hippodrome หรือจัตุรัสสุลต่านอาห์เมต ในอดีตที่นี่เคยเป็นสนามแข่งม้าของชาวโรมันในสมัยก่อน สร้างเพื่อใช้เป็นที่แสดงกิจกรรมต่าง ๆ ของชาวเมือง เป็นศิลปะในยุคกรีกโบราณ เป็นศูนย์กลางของเมืองในยุคไบแชนไทน์ เหมือนสนามหลวงบ้านเรานี่แหละ เค้าจะมีเสา 3 ต้น ที่เป็นโบราณวัตถุอยู่ตรงนี้ด้วย ได้แก่ เสางู (Serpent Column), เสาโอเบลิสก์ของธีโอโดซีอุส (Obelisk of Theodosius), เสาโอเบลิสก์วอลล์ (Walled Obelisk)

Hippodrome
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/BiW6c9GKUKViifkLA

มัสยิดสุลต่านอาเหม็ด (Blue Mosque) สุเหร่าที่มีแรงบันดาลใจมาจากการสร้างที่ต้องการเอาชนะและต้องการให้มีขนาดใหญ่กว่าวิหารเซนต์โซเฟีย

เดินมาฝั่งตรงข้าม ฮาเกีย โซเฟีย (Hagia Sophia) เราก็จะเจอกับ มัสยิดสุลต่านอาเหม็ด (Blue Mosque) หรือสุเหร่าสีฟ้าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองนครอิสตันบูล หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสุเหร่าสุลต่านอาห์เมตที่ 1 (Sultan ahmet I) เป็นสุเหร่าที่มีแรงบันดาลใจมาจากการสร้างที่ต้องการเอาชนะและต้องการให้มีขนาดใหญ่กว่าวิหารเซนต์โซเฟียในสมัยนั้น ซึ่งวิหารเซนต์โซเฟียได้รับการจัดอันดับเป็น 1 ใน 7 ของสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง

สุเหร่าแห่งนี้ประดับด้วยกระเบื้องอัซนิค บนกำแพงชั้นในที่มีสีฟ้าสดใสลายดอกไม้ต่างๆเช่นกุหลาบ ทิวลิป คาร์เนชั่น ฯลฯ โดยหันหน้าเข้าวิหารเซนต์โซเฟียเพื่อประชันความงามกันคนละฝั่ง ถ้ามองจากด้านนอกวิหารจะมองเห็นหอมินาเร็ต หรือ หอสวดมนต์ ถึง 6 หอ ซึ่งปกติมัสยิดจะมีหอสวดมนต์เพียง 1 หรือ 2 หอเท่านั้น ปัจจุบันเปิดให้เข้าไปทำละหมาด 24 ชั่วโมง

มัสยิดสุลต่านอาเหม็ด (Blue Mosque)
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/c7PKKGx6aqViqktR6

Seven Hills Cafe & Restaurant ร้านอาหารวิวรูฟท็อป เห็นวิวมุมสูงของ Hagia Sophia และ Blue Mosque คนชอบมากินข้าวชมวิวและถ่ายรูปให้อาหารนกนางนวล

Seven Hills Cafe & Restaurant หนึ่งในร้านอาหารที่อัมแนะนำให้ลงทุนซักนิดนึง แม้ว่าราคาอาจจะแรงแต่วิวที่ได้นี่สวยคุ้มค่าอาหารแน่นอน เพราะเราสามารถถ่ายรูปคู่มุมสูงวิว ฮาเกีย โซเฟีย (Hagia Sophia) และ มัสยิดสุลต่านอาเหม็ด (Blue Mosque) ได้แบบสบายๆ ด้วยความที่เป็นร้านอาหารที่สูงที่สุดของย่านนั้น ทำให้เป็นแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวต่างมาจับจองทานข้าวกันอย่างเนืองแน่น

ส่วนไฮไลท์อีกอย่างคือ ให้อาหารนกนางนวล พอเราขึ้นมาสั่งอาหารเสร็จก็แวะไปถ่ายรูปมุมนี้กับนกนางนวลได้เลยจ้า ด้วยความที่ร้านนี้เค้าจะนำอาหารที่เหลือ พวกเฟรนช์ฟรายส์ เนื้อ ชีส นั้นมาเสียบส้อมพลาสติกให้เราให้อาหารกับนกนางนวลได้ คนก็จะชอบมาถ่ายรูปวิวแบบนี้กันจ้า แถมวิวด้านหลังเป็นวิวมุมสูงของ ฮาเกีย โซเฟีย (Hagia Sophia) และ มัสยิดสุลต่านอาเหม็ด (Blue Mosque) ด้วย

ส่วนวิวโต๊ะอาหารก็สวยมาก มองเห็นทะเลสีฟ้าคราม ส่วนราคาก็จะอยู่ประมาณ 500+ รีลา ซึ่งอัมคำนวนแล้ว ที่นี่เราอาจจะจ่ายแพงหน่อย แต่ได้ถ่ายรูปแถมได้กินอาหาร เพราะฉะนั้นไม่เสียเปล่าแน่นอนค่ะ แนะนำเลย

Seven Hills Cafe & Restaurant
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08.30–23.00 น.
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/bdwxuXuDUfCuFjXk7

ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar) หนึ่งในตลาดในร่มที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลก อายุมากกว่า 560+ ปี

ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar) ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1461 โดย สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 แห่งจักรวรรดิออตโตมัน (Fatih Sultan Mehmet) หลังจากพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิล ในปี ค.ศ. 1453 เป็นแหล่งซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า ในเส้นทางสายไหม จากกรุงคอนสแตนติโนเปิล ไปยังประเทศจีนซึ่งตลาดแห่งนี้นั้น มีความงามและน่าหลงใหล ของสถานที่ และประวัติศาสตร์ ทางสถาปัตยกรรมในอดีต และยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ “Cevahir Bedesten” เป็นโดมสูงที่โถงกลางของตลาด ที่มีคุณค่าและเก่าแก่มากที่สุด

ใครอยากได้ของฝาก ลองมาเดินกันได้ ร้านขายสินค้า นั้นมีให้เลือกเพียบ เช่นเครื่องประดับเงิน, ทองและเทอร์คอยส์, ไข่มุก, เหรียญเก่า, เครื่องปั้นดินเผาที่ทำด้วยมือ, พรม และงานเย็บปักถักร้อย, นาฬิกา, เชิงเทียน, เครื่องเทศ, ร้านขายของเก่า และอื่นๆ อีกมากมาย

ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar)
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08.30–19.00 น.
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/67nXUBeECMDjX7FF6

ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Cruise) อีกหนึ่งกิจกรรมแนะนำที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยว ทูร์เคีย (Turkey)

มา ทูร์เคีย (Turkey) เที่ยว อิสตันบูล (Istanbul) ทั้งที ห้ามพลาด ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Cruise) โดยจะใช้เวลาประมาณ 90 นาที ค่าขึ้นเรือแค่คนละ 100 ลีราเท่านั้น เราจะมาขึ้นเรือตรงท่าเรือ eminonu โดยเรือนั้นจะล่องผ่านช่องแคบบอสฟอรัส ที่แบ่ง ทูร์เคีย (Turkey) นั้นออกเป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งยุโรปที่เรียกว่า รูมีเลีย (Rumelia) และฝั่งเอเชียที่เรียกว่า อนาโตเลีย (Anatolia)

โดยตลอด 90 นาที เรือก็จะผ่านสองฟากฝั่งของ ช่องแคบบอสฟอรัส ลมเย็นและวิวสวยมาก ชมสถาปัตยกรรม ของคฤหาสน์บ้านเรือน ทั้งสไตล์ออตโตมัน และสไตล์ยุโรป และยังผ่านสถานที่สำคัญๆ ไม่ว่า หอคอยกาลาตา (Galata Kulesi), มัสยิดโดลมาบาเช (Dolmabahçe Camii), พระราชวังโดลมาบาเช (Dolmabahçe Sarayı), มัสยิดออร์ทาคอย (Ortaköy Mosque) และ Bosphorus Bridge ฯลฯ เรียกได้ว่าใครเวลาน้อย นั่งเรือทีเดียวนี่มาเห็นสถานที่สำคัญๆ ของ อิสตันบูล (Istanbul) เกือบครบเลยนะ

ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Cruise) ขึ้นที่ท่าเรือ eminonu
ค่าขึ้นเรือ : 100 ลีรา
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/BYECafahSsE9q93XA

ตลาดเครื่องเทศสไปซ์บาซาร์ (Spice Market, Spice Bazaar) แวะซื้อชาและของหวานขึ้นชื่อแห่งทูร์เคีย Turkish Delight

หลังจากล่องเรือเสร็จ ก็แวะตลาดเครื่องเทศสไปซ์บาซาร์ (Spice Market, Spice Bazaar) ที่อยู่ใกล้ๆ กันซักหน่อย ที่นี่เป็นอีกหนึ่งตลาดที่ฮิตใน ทูร์เคีย (Turkey) ที่ อิสตันบูล Istanbul ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของมัสยิดใหม่ (New Mosque) โดยรายได้ที่ได้รับจาก ร้านค้าเช่าภายในตลาดจะถูกนำมาใช้สำหรับ การบำรุงรักษามัสยิด ในปัจจุบันตลาดประกอบไปด้วย ร้านค้าเกือบร้อยร้าน และไม่ได้มีแค่สินค้าแค่เครื่องเทศเท่านั้น ยังมีพวก อาหาร และขนมหวานของทูร์เคีย , เครื่องเพชรพลอย, ของที่ระลึก, ผลไม้แห้ง, ถั่ว และอื่นๆ อีกมากมาย

สำหรับคนที่อยากลองชิมขนมหวานขึ้นชื่อ เช่น บัคลาวา , Turkish Delight หรือชาต่างๆ แต่ละร้านเค้าจะมีให้เราลองชิมได้ พ่อค้าแต่ละคนใจดีอยู่นะ แม้ว่าขนมเค้าจะหวาน แต่ถ้ากินกับชาคือเริ่ดมาก ชานี่ก็มีหลากหลายเลย เป็นชาของเค้านี่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ อย่างมีอันนึงคือ Viagra Tea นี่ไปถามเค้า เค้าบอกช่วยให้ผู้ชายปึ๋งปั๋งขึ้นด้วยนะ 55 ใครอยากลองไปซื้อกลับมาลองทานกันได้นะจ้ะ

ตลาดเครื่องเทศสไปซ์บาซาร์ (Spice Market, Spice Bazaar)
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08.00–19.00 น.
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/9mjD1wSRE1d7dQBa6

ไปถ่ายรูปคู่กับ หอคอยกาลาตา (Galata Tower) นั่งคาเฟ่จิบชากินเค้กแบบชิวๆ

หอคอยกาลาตา (Galata Tower) เป็นหอคอยหินสไตล์โรมัน ทรงกระบอก มีทั้งหมด 9 ชั้น มีความสูง 66.90 เมตร มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ โดยสถาปนิกโคกซัลอนาดอล (Köksal Anadol) เราสามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงได้ มีค่าขึ้นแอบแรงอยู่นะ คนละ 1,200+ แต่จังหวะที่เราไป เค้ากำลังซ่อมยอดพอดี วันนี้เลยมาถ่ายรูปคู่ด้านล่างแทน ถ่ายรูปสวยๆ จิบชา กินเค้กกันเพลินๆ

หอคอยกาลาตา (Galata Tower)
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08.30–22.00 น.
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/kxgmG1VmuTuYxm9F9

มัสยิดออร์ทาคอย (Ortaköy Mosque) มัสยิดริมทะเลวิวสะพานบอสฟอรัสสุดสวย

หลังจากถ่ายที่ หอคอยกาลาตา (Galata Tower) เสร็จแล้ว เราเรียก Uber กันมาเที่ยวที่ มัสยิดออร์ทาคอย (Ortaköy Mosque) กันต่อ เป็นอีกหนึ่งมุม IG Spot โดยมัสยิดแห่งนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2396 โดยสถาปนิกชาวอาร์เมเนีย Nigoğos Balyan โดยสุลต่านอับดุลเมซิด มัสยิดซึ่งเป็นอาคารที่สง่างามมากโดยเป็นมัสยิดที่ตั้งอยู่ริมน้ำของจัตุรัสท่าเรือ Ortaköy ซึ่งมีวิวด้านหลังเป็นวิวสะพานบอสฟอรัส เค้าจะมีจุดเป็นลานปูนยื่นไปในทะเลเพื่อถ่ายรูปคู่ได้

แล้วไม่ได้สวยแค่มุมด้านนอกนะ พอเข้ามาด้านใน มัสยิดออร์ทาคอย (Ortaköy Mosque) คือสวยไปอีก แสงเข้าช่วงบ่ายนี่ละมุนมาก ใครมาถ่ายด้านนอกแล้วอย่าลืมเข้ามาข้างในนะคะ และอย่าลืมนำผ้าคลุมศีรษะมาด้วยค่ะ

มัสยิดออร์ทาคอย (Ortaköy Mosque)
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 04.00–22.00 น.
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/Bp5hUF5SR8K91RPE7

เที่ยงวันนี้เราฝากท้องไว้ที่ร้าน Yelken cafe อาหารรสชาติอร่อยเลยนะ ให้เยอะพอสมควร ราคาใช้ได้ ใครมาแถวนี้แนะนำเลย โดยเฉพาะ Chicken Curry อร่อยเฉย

Yelken cafe
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08.00–24.00 น.
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/wLyV9JBKNbPkXbja6

พระราชวังโดลมาบาเช (Dolmabahçe Palace) พระราชวังที่ใหญ่ที่สุดใน ทูร์เคีย (Turkey) เป็นที่พำนักของสุลต่าน 6 พระองค์ตั้งแต่ปี 1856

แอบเสียดายที่มาไม่ทันเวลาเข้าชมรอบสุดท้าย โดยที่นี่คือ พระราชวังโดลมาบาเช (Dolmabahçe Palace) เป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ทูร์เคีย (Turkey) เป็นที่พำนักของสุลต่าน 6 พระองค์ตั้งแต่ปี 1856 มีพื้นที่กว่า 45,000 ตารางเมตร ซึ่งประกอบไปด้วยห้องพัก 285 ห้อง, ห้องโถง 46 ห้อง, ห้องอาบน้ำ 6 ห้อง และห้องสุขา 68 ห้อง พระราชวังถูกออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานเข้ากันทั้งสไตล์บาโรกและนีโอคลาสสิกเข้ากับสถาปัตยกรรมออตโตมันแบบเก่าได้อย่างลงตัว ค่าเข้าสำหรับนักท่องเที่ยวคนละ 650 ลีราค่ะ

พระราชวังโดลมาบาเช (Dolmabahçe Palace)
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 09.00–17.00 น.
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/P8MuiotxXYfHJsUd7

Taksim Square แหล่งรวมสถานที่ช้อปปิ้ง ร้านอาหาร แวะมาลองขึ้นรถรางสีแดงสุดคลาสสิค

ปิดท้ายวันกันที่ ย่าน Taksim Square ย่านนี้เป็นแหล่งรวมสถานที่ช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และสถานบันเทิงอันแสนคึกคัก ในบริเวณใกล้เคียงมีจัตุรัส Taksim ซึ่งเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ Republic Monument ในย่านนี้ยังมีรถรางอันเก่าแก่วิ่งบนถนน Istiklal Caddesi ซึ่งเป็นถนนสายหลักของเมือง บนถนนแห่งนี้ขนาบด้วยอาคารสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านค้าที่มีสาขาทั่วโลก โรงภาพยนตร์ ไปจนถึงคาเฟ่ด้วยจ้า

เดินมานิดเดียวก็จะเป็นแหล่งรวมร้านเคบับแบบออริจินัลเลย เราลองทานของที่ร้าน Taksim Doner เป็นเคบับเนื้อใส่ชีส อันละ 50 รีลา รสชาติใช้ได้ แต่กลิ่นชีสแรงนิดนึง

ย่านทักซิมเป็นย่านนึงที่มีคนเดินมากที่สุดที่นึงเลย ถือเป็นย่านเศรษฐกิจเพราะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านของแบรนด์เนมต่างๆ มากมายๆ โดยสามารถเดินยาวได้โดยกินระยะทางตั้งแต่จุดเริ่มต้น แล้วเดินลงเนินไป หรือเราจะนั่งรถรางสีแดงสดที่วิ่งจากจตุรัสทักซิม (Taksim Square) ไปตามถนน ใกล้กับสถานีทูเนล (Tünel, ค.ศ. 1875) ซึ่งเป็นสถานีรถไฟใต้ดิน ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกลำดับที่สอง รองจากสถานีรถไฟใต้ดิน ในกรุงลอนดอน (ค.ศ. 1863)

Taksim Square
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/mjg7d771Fw4nSHFdA

มัสยิดซิวเลย์มานีเย (Suleymaniye Mosque) มัสยิดหลวงของออตโตมัน ที่ใหญ่เป็นที่สองของอิสตันบูล (Istanbul)

มัสยิดสุเลย์มานิเย (Süleymaniye Mosque) มัสยิดนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นบรรณาการให้กับสุลต่านสุเลย์มานปี ค.ศ. 1557 เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีชื่อเสียงด้านสถาปัตยกรรมในเมืองอิสตันบูล และเป็นผลงานชิ้นเอกของสถาปนิกชื่อดัง Mimar Sinan ซึ่งเป็นมัสยิดที่ใหญ่เป็นที่สองของอิสตันบูลเลยนะ สำหรับคนที่ไป มัสยิดสุลต่านอาเหม็ด (Blue Mosque) แล้วบอกว่าคนเยอะ จริงๆ ที่นี่อัมว่าคล้ายๆ กันเลย แถมคนน้อยกว่าเยอะเลยค่ะ ใครอยากมาถ่ายรูปกับมัสยิดสวยๆ ที่นี่เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกค่ะ

โดมของมัสยิดสุเลย์มานมีขนาดสูงถึง 47 เมตร ภายด้านในตกแต่งอย่างหรูหราอลังการ ด้วยกระเบื้องโมเสคเน้นสีทองเป็นหลัก ประดับอย่างปราณีตลงบนโครงสร้างหินอ่อนสีขาวนวล กลางโถงมัสยิดมีฐานห้อยโคมไฟวงกลมขนาดใหญ่ พร้อมกับดวงไฟที่ถูกแขวนไว้เรียงราย ตอนกลางคืนเมื่อไฟถูกเปิดสถานที่แห่งนี้จะให้อารมณ์คล้ายกับโรงละครขนาดใหญ่เลยค่ะ

นอกจากนี้ยังมีมุมนี้ที่เป็นมุมมองเห็นวิวทะเลและเมืองมุมสูงให้ได้ถ่ายรูปกันด้วยค่ะ

มัสยิดสุเลย์มานิเย (Süleymaniye Mosque)
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08.30–16.45 น.
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/64iNPW3mLT6Dz1zB9

𝑩𝒂𝒍𝒂𝒕 ย่านชิคฮิปสเตอร์หลากสีสันใจกลางอิสตันบูล ชมตึกสีลูกกวาด มุมถ่ายรูปเพียบ คาเฟ่อย่างชิค

สำหรับวัยรุ่นอย่างเรา ใครหาย่านถ่ายรูปสีพาสเทลสุดคัลเลอร์ฟูล ขอยกให้ย่าน Balat นั้นต้องอยู่ในลิสต์เที่ยว อิสตันบูล (Istanbul) อย่างแน่นอน นอกจากตัวตึกจะสวยสีสันสดใส บางตึกมีอายุ 50–100 ปีเลยนะ เป็นย่านของชาวยิวที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน ย่านนี้จะเป็นถนนปูหินและบ้านหลากสีสัน มีคาเฟ่สุดฮิปและแกลเลอรีล้ำสมัยตั้งเรียงรายปะปนไปกับร้านของชำแบบดั้งเดิม

ส่วนไฮไลท์อย่างมุมบันไดสายรุ้ง จะอยู่ตรงร้านกาแฟ İncir ağacı kahvesi สีสันสดใสมาก ใครไปถ่ายรูปแล้วอย่าลืมไปอุดหนุนเค้าด้วยน้า นอกจากนั้นยังสามารถเดินเล่นไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับตึกหลากสีสันให้ได้ถ่ายรูปด้วยค่ะ

ย่าน Balat
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/rmBHoDUt7B2xZ9U48

ไป อิสตันบูล (Istanbul) กับการบินไทย (Thai Airways) บินแบบ Full Service รวมกระเป๋า รวมอาหาร 2 มื้อ ที่นั่งสบาย ดูหนัง ฟังเพลง เอนนอนเพลินๆ บินตรงจากไทยแค่ 10 ชั่วโมงถึง

ใครสนใจเช็กรายละเอียด จองตั๋ว การบินไทย (Thai Airways) ได้ที่นี่ค่ะ
https://bit.ly/48okTLX

--

--

วาไรตี้ ชีวิตป้า..ช้อปปิ้ง..กิน..เที่ยว คลิกเดียว..ครบหมด!!