รีวิว เกียวโต (Kyoto) 2 วัน 1 คืน รวม 9 พิกัดชมใบไม้เปลี่ยนสี (อัพเดท 2024)

Aumjumma & The Gang
Aumjumma
Published in
7 min readDec 26, 2023

--

Autumn in Kyoto แจกแพลนเที่ยวเกียวโต 2 วัน 1 คืน รวมจุดชมใบไม้เปลี่ยนสี 4 วัดดังในเกียวโตที่สวยตาแตกและไม่ควรพลาด สวยสุดอลังการ พร้อมแลนด์มาร์คถ่ายรูปสวย เดินทางก็ง่าย นั่งรถไฟใต้ดินและรถเมล์ตามได้เลย หรือใครที่มีแพลนเที่ยวแล้วชอบที่ตรงไหน จับใส่เพิ่มในแพลนได้ตามสบาย (อัพเดทปี 2023–2024)

อากาศแปรปรวนแค่ไหนก็มั่นใจ พก ผลิตภัณฑ์แก้ไอ ตรา ไอยรา (Iyara) เอาไว้ มั่นใจตลอดทริป ช่วยบรรเทาอาการไอ ชุ่มคอยาวนานด้วยสารสกัดจากสมุนไพรเข้มข้น

ออกทริปเที่ยว เกียวโต (Kyoto) ทั้งทีต้องเที่ยวให้สุด กินก็ต้องกินให้สุด ยิ่งช่วงใบไม้เปลี่ยนสีแบบนี้เป็นช่วง High Season ของญี่ปุ่นจริงๆ แล้วคนเยอะมาก อากาศก็แปรปรวนสุดๆ บางวันแดดออก บางวันฝนตก บางวันหนาว แถมมีไอเจ็บคอ ระคายคอเพราะกินของมันของทอดเก่งมาก แต่ก็อุ่นใจ เพราะทริปนี้มีตัวช่วยอย่างพก ผลิตภัณฑ์แก้ไอสมุนไพร ตรา ไอยรา (Iyara) ติดตัวมาด้วย ทั้ง เม็ดอมไอยรา และ ไอยราขวดขาวสูตรไลท์ เพราะฉะนั้นอุ่นใจแน่นอน

เที่ยวทริปนี้ได้แบบมั่นใจ แม้มีอาการไอระคายคอระหว่างวัน ก็ชุ่มคอยาวนานได้ด้วย เพราะมีสารสกัดจากสมุนไพรเข้มข้นอย่างตรีผลา สมอภิเภก สมอไทย มะขามป้อม บรรเทาได้ทั้งอาการไอ ระคายคอ นอกจากนี้ยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน สะดวก พกพาง่าย อมได้บ่อยตามที่ต้องการ ที่สำคัญปลอดภัยใช้ได้ทุกวัน อร่อยหยิบทานง่าย ไปไหนคือต้องพก ผลิตภัณฑ์แก้ไอสมุนไพร ตรา ไอยรา (Iyara) ไปด้วยแล้วจ้า

Bishamon-do Temple วัดพรมแดงแห่ง เกียวโต (Kyoto) วัดที่ทัวร์ไม่ลง ใบไม้เปลี่ยนสีสวยมาก

Bishamon-do Temple เป็นวัดเก่าแก่อีกแห่งนึงของ เกียวโต (Kyoto) ตั้งอยู่บนเนินเขาในแถบยามาชินะ เป็นวัดที่ไม่มีทัวร์ และคนไม่เยอะมาก ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่คือสวยมาก ในวันที่ใบไม้เริ่มร่วงบนพื้นทางเดินขึ้นวัดจะสวยเหมือนพรมแดงเลยที่อ่านมาเค้าบอกว่าเช้าหลังคืนที่ฝนตกจะยิ่งเพิ่มโอกาสเห็นมากขึ้นและที่สำคัญต้องตื่นและมาให้เช้าก่อนที่พระจะกวาดใบไม้ไปหมดนะ

โดยวิธีการมาไม่ยาก ให้นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Yamashina Station (Tozai subway line) หรือสถานี Keihan Yamashina Station (Keihan Keishin line) สำหรับขาไปวัด อัมแนะนำว่าเรียก Taxi เลย 7–800 เยน มาถึงวัดได้แต่ว้าว โอโห สวยม้าก แต่เสียดายมาไม่ทันพระกวาดใบไม้แดงไปหมดละ 55

โดยนอกจากใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยแล้ว ที่นี่คนญี่ปุ่นยังมักมากราบไหว้ขอพร ซึ่งมีความเชื่อว่าจะทำให้การค้าขายเจริญรุ่งเรืองและครอบครัวมีความสุขปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ

มาถึงถ่ายตรงบันไดกันเสร็จ ก็แนะนำให้เดินขึ้นมาด้านบนต่อ เค้าจะมีตัวอาคารศาลเจ้าที่ต้องจ่ายเงินคนละ 500 เยน ด้านในคือมีมุมถ่ายรูปสวยมากเลยนะ โดยจะมีมุมตัวอาคารสีแดงที่มีวิวใบไม้เปลี่ยนสีด้านนอก และยังมีห้องต่างๆ ให้ได้เดินชมถ่ายรูปกันอีกหลายมุมเลยค่ะ

Bishamon-do Temple
แผนที่ :
https://bit.ly/BinshamondoMap
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 8:30–17:00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Yamashina Station (Tozai subway line) หรือสถานี Keihan Yamashina Station (Keihan Keishin line) ขาไปวัดแนะนำว่าเรียก Taxi เลย 7–800 เยน ขากลับเดินได้ประมาณ 15 นาทีถึงสถานี

แวะกินวาฟเฟิลเบลเยียมเจ้าดัง Manneken Waffle แห่งสถานี เกียวโต (Kyoto) อร่อยมาก!!

ผ่านสถานีเกียวโตต้องมาหยุดแวะซื้อที่ร้านนี้กันก่อน Manneken Waffle เป็นวาฟเฟิลสไตล์เบลเยียม แต่ในญี่ปุ่นนี่ดังอยู่นะ เดินผ่านทีกลิ่นหอมมาก จนคนต่อคิวซื้อกินกันเพียบ มีหลายรสเลย เนื้อไม่แน่นมาก แต่กรุบกรอบ แม้เย็นแล้วก็ยังอร่อยนะ ไม่รู้เค้าทำยังไง ใครผ่านไปสถานีเกียวโตอย่าลืมไปลอง เริ่มต้นแค่ชิ้นละ 100+ เยน

Manneken Waffle JR Kyoto Station
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/ecyNwm4imb3MX7wNA
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 9.00–21:00 น.
การเดินทาง : อยู่ในสถานี JR Kyoto ชั้น 2 ใกล้กับชานชาลาที่ 8

วัดนันเซนจิ (Nanzenji Temple) หนึ่งในวัดดังแห่งเกียวโต ชมใบไม้เปลี่ยนสีฟรีแบบไม่ต้องเสียค่าเข้า มีมุมสะพานคลองส่งน้ำโบราณ Suirokaku ด้วย

จุดต่อไปนั่นคือวัดนันเซนจิ (Nanzenji Temple) เป็นอีกหนึ่งวัดยอดฮิตใน เกียวโต (Kyoto) นอกจากสวยแล้วยังเข้าชมฟรีด้วย จะมีค่าใช้จ่ายแค่ตรงจุดที่เป็นไฮไลท์ คืออาคารไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่บริเวณด้านหน้าสุดของวัดที่เรียกว่า ประตูซันม่อน (Sanmon) สามารถขึ้นไปที่ระเบียงด้านบนเพื่อชมวิวรอบๆของวัดได้ด้วย แค่ด้านหน้าวัดก็มีหลายมุมให้ได้ถ่ายรูปกันแล้ว นอกจากบริเวณพื้นที่วัด ด้านในเค้ายังมีสะพานคลองส่งน้ำโบราณ Suirokaku ที่มีมาตั้งแต่สมัยยุคเมจิที่ยังคงรักษาไว้ด้วยนะ

Sanmon Gate, Hojo
ค่าเข้าชม: 500 เยน
วันปิดทำการ: 28–31 ธันวาคม
เวลาเปิด-ปิด: 8:40–17:00 น. (ธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ เปิดถึง 16:30 น.)
*เข้าชมรอบสุดท้ายก่อนเวลาปิด 20 นาที

บริเวณทางเข้าวัดก็จะเต็มไปด้วยต้นเมเปิ้ลผลัดกันเปลี่ยนสีแดง เหลือง ส้มสวยจริงๆ ใครอยากได้แบบคนน้อยๆ อาจจะต้องมากันเช้าๆ หน่อย ส่วนตอนบ่ายๆ คนก็เยอะพอสมควร

วัดนันเซนจิ (Nanzenji Temple) สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1291 โดยจักรพรรดิคาเมะยามะ (Emperor Kameyama) โดยเป็นวัดที่มีอาณาบริเวณกว้างขวางมากๆ ภายในนั้นยังเป็นที่ตั้งของอีกหลายๆวัดอีกต่างหาก พอเข้ามาถึงด้านในวัด แม้คนจะเยอะ แต่มีหลากหลายมุมให้ถ่ายกัน

เดินมาถึงด้านหลังก็จะเจอ สะพานคลองส่งน้ำโบราณ Suirokaku ในสมัยก่อนทำหน้าที่ลำเลียงน้ำจากทะเลสาบบิวะซึ่งเป็นน้ำที่ใช้หล่อเลี้ยงชีวิตของผู้คนไปยังเมืองเกียวโต (Kyoto) มาตั้งแต่สมัยเมจิ ส่วนโค้งของสะพานที่ทำด้วยหินแกรนิตและอิฐแดงทำให้ดูสวยคลาสสิคมาก ตอนไปที่ไปคนถ่ายรูปกันทุกโค้งเลย 55 และที่นี่ยังเป็นโลเคชั่นในการถ่ายทำละครและภาพยนตร์มาแล้วมากมาย ใครมาเที่ยว วัดนันเซนจิ (Nanzenji Temple) อย่าลืมมาเช็คอินกันนะคะ

ต้องบอกว่าเที่ยว เกียวโต (Kyoto) รอบนี้ อากาศแปรปรวนเหมือนกันนะ บางวันก็หนาวมาก บางวันฝนตก ขึ้นรถไฟใต้ดินเปิดฮีตเตอร์ซะร้อน อากาศเปลี่ยนแปลงจนมีอาการเริ่มเจ็บคอ ไอ ระหว่างวันอาจทำให้ทริปหมดสนุกได้ แต่นี่เที่ยวได้แบบมั่นใจ เพราะพก ‘เม็ดอมไอยรา’ มาด้วย ชุ่มคอยาวนาน เพราะมีสารสกัดจากสมุนไพรเข้มข้นอย่างตรีผลา สมอภิเภก สมอไทย มะขามป้อม บรรเทาได้ทั้งอาการไอ ระคายคอ นอกจากนี้ยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน สะดวก พกพาง่าย อมได้บ่อยตามที่ต้องการ พกง่ายใส่กระเป๋าติดตัวไว้เลย

วัดนันเซนจิ (Nanzenji Temple)
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/9txGgAdFDrq1t3zM9
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 8:40–17:00 น.
การเดินทาง : รถไฟใต้ดิน นั่งมาลงสถานี Keage Station เดิน 10 นาที
รถบัส : นั่งสาย 5 ลงที่ Nanzenji-Eikando-michi bus stop เดิน 10 นาที

วัดเอคันโด (Eikando Temple) อีกหนึ่งวัดดังใน เกียวโต (Kyoto) ที่สวยทั้งกลางวัน ตอนกลางคืนมี Light up มุมถ่ายรูปสวยๆ เพียบ อยู่ไม่ไกลจากวัดนันเซนจิ (Nanzenji Temple)

จาก วัดนันเซนจิ (Nanzenji Temple) เราก็เดินกันมาต่ออีกนิด ก็จะถึงอีกหนึ่งวัดดังใน เกียวโต (Kyoto) นั่นคือ วัดเอคันโด (Eikando Temple) โดยที่นี่แม้ว่าจะเสียค่าเข้า แต่อัมบอกเลยสวยคุ้มค่าตั๋วแน่นอน โดยค่าตั๋วเข้าชมช่วงกลางวัน (9.00–16.00 น.) คนละ 1,000 เยน และค่าตั๋วเข้าชมช่วงกลางคืน Light up (17.30–20.30 น.) คนละ 600 เยน

โดย วัดเอคันโด (Eikando Temple) เป็นวัดพุทธนิกายโจโด (Jodo) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 863 ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมือง เกียวโต (Kyoto) เป็นอีกหนึ่งจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ฮอตมากในช่วง Autumn ประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน-ต้นเดือนธันวาคม

นอกจากสวนด้านนอกที่สวย ส่วนในตัวอาคารก็สวยไม่แพ้กัน เค้าจะสร้างทางเดินชมใบไม้เปลี่ยนสีเชื่อมต่อไปยังอาคารต่างๆ มีทั้งห้องโถง Shakado ที่มีบานประตูที่จะมีภาพวาดสวนหินที่สวยมากๆ ห้องโถง Miedo เป็นที่ประดิษฐานของท่าน Honen ผู้ก่อตั้งนิกายโจโด ต่อมาเป็นห้องโถง Amidado ที่ประดิษฐานพระพุทธรูป โดยในแต่ละจุดก็จะมีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยล้อมรอบให้ได้ถ่ายรูปตลอดสองข้างทาง

อีกหนึ่งไฮไลท์ก็คือ มุมเจดีย์ Tahoto เราสามารถชมวิวเมืองสูงของเกียวโตได้ ตอนช่วงเย็นพระอาทิตย์ตกคือสวยม้าก ใครมาช่วงเย็นอย่าลืมเดินขึ้นมาชมกันด้วยนะ

ส่วนด้านล่างที่มุมไฮไลท์คือ Hojo Pond (放生池) เป็นมุมบ่อน้ำใจกลางวัดที่มีสะพานทอดยาวไปยังศาลเจ้า ตรงมุมสะพานคนค่อนข้างแน่นมาก เพราะคนจะหยุดถ่ายมุมไฮไลท์กัน แต่อัมกลับชอบมุมอีกด้านมากกว่า

ปิดท้ายด้วยมุมร้านน้ำชา มุมนี้คือสวยจริงๆ จิบชากินขนมชมใบไม้เปลี่ยนสีแบบฟินๆ

วัดเอคันโด (Eikando Temple)
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/52nNSWvSXFGC7hM27
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 9.00–17:00 น.
การเดินทาง : รถไฟใต้ดิน นั่งมาลงสถานี Keage Station เดิน 15 นาที
รถบัส : นั่งสาย 5 ลงที่ Nanzenji-Eikando-michi bus stop เดิน 15 นาที

Katsukura ร้านหมูทอดทงคัตสึขั้นเทพ สาขาสถานี JR Kyoto Station

หนึ่งในร้านหมูทอดทงคัตสึในดวงใจแห่ง เกียวโต (Kyoto) ขอยกให้ร้าน Katsukura นี่คือร้านหมูทอดในตำนาน สาขาที่มากินง่ายสุดแนะนำสถานี JR Kyoto Station อยู่บนตึก The Cube ชั้น 11 โดยเราสามารถเลือกขนาดของหมูได้ มี 3 ขนาด 80g / 120g / 160 g เริ่มต้นที่ 1,300 เยน ตัวหมูข้างนอกชุบเกร็ดขนมปัง ข้างนอกกรอบ ส่วนเนื้อหมูชุ่มฉ่ำ ก่อนมาเสิร์ฟก็จะมานั่งบดงาหอมๆ แล้วใส่ซอสลงไป กินคู่กับหมูทอด อร่อยมาก!! รวมข้าว ซุป กะหล่ำปีเติมได้ไม่อั้น

Katsukura สาขา JR Kyoto Station
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/JaN3NMyNNbg5JrmN9
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 11.00–21.30 น.
การเดินทาง : สถานี JR Kyoto Station อยู่บนตึก The Cube ชั้น 11

วัดคิโยมิซุ Kiyomizu-dera Temple วัดสวยและเก่าแก่ ในเกียวโต ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก

หนึ่งใน Bucket List ของช่วงใบไม้เปลี่ยนสีของเกียวโต (Kyoto) ต้องมีวัดนี้อย่างแน่นอน นั่นคือ วัดคิโยมิซุ (Kiyomizu-dera Temple) หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ วัดน้ำใส ที่นี่เป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่คู่เมืองเกียวโต มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 798 ด้วยความที่วัดตั้งอยู่บนเนินเขา จึงทำให้เห็นวิวอันงดงามเมื่อใบไม้เปลี่ยนสี หรือช่วงซากุระ และยังมีสายน้ำบริสุทธิ์ 3 สายที่ไหลมาจาก น้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) ทำให้วัดแห่งนี้เป็น 1 ใน 17 สถานที่ใน เกียวโต (Kyoto) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย

แม้ว่าที่นี่จะมีค่าเข้า ผู้ใหญ่คนละ 400 เยน เด็ก 200 เยน แต่บอกเลยว่าคุ้มทุกบาททุกสตางค์ ใครที่มาช่วงบ่ายๆ สามารถอยู่ได้ยาวจนถึง Light up ตอนเย็นๆ ได้เลย

มุมไฮไลท์ก็ต้องยกให้มุมนี้เลยที่ทุกคนต่างมาจับจองถ่ายรูปกันที่ต้นเมเปิ้ลพร้อมใจกันเปลี่ยนสีเป็นสีแดงล้อมตัวอาคารไม้ขนาดใหญ่ที่สูงถึง 13 เมตร สร้างโดยไม่มีการใช้ตะปู ถือว่าเป็นภูมิปัญญาของคนญี่ปุ่นโบราณที่สุดยอดเลยจริงๆ ตัวโถงอาคารถูกสร้างให้ยื่นออกไปภายนอกทำให้บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยทุกตรง อย่างมุมมหาชนที่ถ่ายรูปใบไม้เปลี่ยนสีคู่กับวัดมองเห็นไปถึงเกียวโตทาวเวอร์ และยังเป็นจุดชมซากุระและชมใบไม้แดงที่ขึ้นชื่อของเกียวโตอีกด้วย

และกิจกรรมที่คนญี่ปุ่นนิยมมาทำกัน นั่นคือ การเสี่ยงเซียมซี หรือ โอมิคุจิ (Omikuji) เป็นการสุ่มหยิบกระดาษซึ่งมีคำทำนายอยู่ข้างใน หากได้คำทำนายที่ไม่ดีก็สามารถฝากไว้กับวัดได้ค่ะ แล้วก็ยังมีกิจกรรมเขียนคำขอพรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การงาน สุขภาพ และความรักลงบน ป้ายขอพร และแขวนไว้บนราวแขวนค่ะ นอกจากนั้นยังมีให้ไปสักการะ เทพโอคุนินุชิโนะ มิโกโตะ (Okuninushino Mikoto) เทพแห่งความรักและเนื้อคู่ที่ ศาลเจ้าจิชู (Jishu-jinja) ภายใจศาลเจ้าจะมีก้อนหินแห่งความรัก 2 ก้อน ตั้งอยู่ห่างกัน 18 เมตร เชื่อว่าใครก็ตามที่สามารถเดินหลับตาจากหินก้อนแรกไปยังอีกก้อนโดยไม่หลงทิศทางจะสมหวังในความรัก

ระหว่างทางเดินลงมาข้างล่างก็จะมีมุมถ่ายรูปคู่กับใบไม้เปลี่ยนสีตลอด คือช่วงที่พีค ยังไงต้องเอา วัดคิโยมิซุ (Kiyomizu-dera Temple) ลงไว้ในลิสต์ด้วยนะ

ส่วนไฮไลท์ที่ด้านล่างจะเจอ “วัดน้ำใส” ซึ่งมีที่มาจากน้ำ 3 สายที่ไหลลงมาจาก น้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) เชื่อว่าเป็นสายน้ำที่มีความใสสะอาดบริสุทธิ์ มีความเชื่อว่าสามารถขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปได้ ซึ่งสายน้ำแต่ละสายนั้นจะมีความศักดิ์สิทธิ์ที่แตกต่างกันออกไป สายที่ 1 จะให้พรในเรื่องของการสำเร็จการศึกษา สายที่ 2 ให้พรในเรื่องของความรักที่สมหวัง ส่วนสายที่ 3 ให้พรในเรื่องของสุขภาพและอายุที่ยืนยาวค่ะ ใครที่มาที่นี่อย่าลืมมาดื่มน้ำแต่ละสายเพื่อความเป็นสิริมงคลกันด้วยนะคะ

วัดคิโยมิซุ (Kiyomizu-dera Temple)
ค่าเข้าชม : คนละ 400 เยน
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/ZBGoFUsUto876xmf7
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 6:00–21:00 น.
การเดินทาง : นั่งสาย 206 หรือ 86 ลงป้าย Kitomizumichi เดิน 10 นาที

ผลิตภัณฑ์แก้ไอสมุนไพร ตรา ไอยรา (Iyara) นอกจากจะมี ‘เม็ดอมไอยรา’ ที่เป็นเม็ดแล้ว เค้ายังมี ผลิตภัณฑ์แก้ไอสมุนไพร ไอยรา (Iyara) ขวดขาวสูตรไลท์ ด้วยนะ ต้องบอกว่านี่คือไอเท็มติดบ้านที่ไทยเลย เวลาไอ ระคายคอ จิบเดียวก็ช่วยให้อาการดีขึ้นและช่วยละลายเสมหะ เพราะเค้ามีสารสกัดเป็นสมุนไพรไทยคุณภาพ ตัวนี้เป็นสูตรไลท์ไม่มีน้ำตาล ใครที่เป็นเบาหวานก็ทานได้นะ ไม่มีแอลกอฮอล์ ปราศจากสารปนเปื้อน และได้มาตราฐายการรับรอง gmp/pics ด้วย

ใครสนใจ ผลิตภัณฑ์แก้ไอสมุนไพร ตรา ไอยรา (Iyara) ดูรายละเอียดที่นี่เลยค่ะ https://www.facebook.com/iyarashoppharma

พาเที่ยวถนน Yasaka ถนนประวัติศาสตร์แห่งย่าน Higashiyama แวะเที่ยวศาลเจ้า Yasaka-koushindou ศาลเจ้าหลากสีสันแห่งเกียวโต และมุมสุดปังเจดีย์ยาซากะ

จุดสุดท้ายที่อัมพามา ตรงนี้คือจุดไฮไลท์ของเมือง เกียวโต (Kyoto) เลยค่ะ เป็นจุดที่ใครหลายคนจะต้องแวะมาถ่ายภาพให้ได้ เป็นจุดถ่ายภาพที่ใช้โปรโมทการท่องเที่ยวของเกียวโตอยู่บ่อยๆ สองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านเรือน มีร้านค้าสมัยโบราณเหมือนได้ย้อนยุคกลับไปในอดีต ตรงนี้เป็นทางลาดขึ้นเนิน อาจจะเดินใช้แรงกันนิดนึง

โดยที่แรกจะขอแวะกันที่ ศาลเจ้า Yasaka-koushindou (八坂庚申堂) อยู่บริเวณย่าน Higashiyama เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งในเกียวโต (Kyoto) โดยจะมีความพิเศษต่างจากศาลเจ้าอื่นๆ ตรงที่คนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวมักจะมาเขียนคำอธิษฐานลงบนลูกบอลผ้าสีสันสดใส ที่เรียกว่า “Kukurizaru” จากนั้นจึงนำไปห้อยที่ศาลเจ้า เชื่อว่าจะทำให้คำอธิษฐานนั้นเป็นจริงค่ะ และด้วยความที่สีสันคัลเลอร์ฟูล ทำให้สาวๆ ชอบแต่งชุดกิโมโนแวะมาถ่ายรูปกันด้วยน้า

ศาลเจ้า Yasaka-koushindou (八坂庚申堂)
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/jVm2WeKZJFgCUsKfA
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 9:00–17:00 น.
การเดินทาง : จากสถานี Kyoto ให้นั่งรถบัสสาย 100 หรือ 206 มาลงที่ป้าย Kiyomizu-michi เดินประมาณ 5 นาที

ปิดท้ายกันแลนด์มาร์คเกียวโต (Kyoto) ที่ไม่ควรพลาดนั่นคือมุมมหาชนเป็น เจดีย์ยาซากะ (Yasaka Pagoda) ตั้งโดดเด่นอยู่ท่ามกลางบ้านเรือนเก่าแก่สไตล์ญี่ปุ่น เหมือนเราได้ย้อนกลับไปญี่ปุ่นในสมัยก่อน ซึ่งเป็นเจดีย์ห้าชั้นที่มีความสูง 46 เมตร โดยเป็นอาคารที่เหลืออยู่ของ วัดโฮคันจิ (Hokanji Temple / 法観寺) ส่วนมากพวกตากล้องเค้าจะมากันตอนพระอาทิตย์กำลังจะขึ้น และช่วงพระอาทิตย์กำลังจะตก ใครมาเกียวโต (Kyoto) อย่าลืมมาถ่ายมุมนี้กันนะคะ

มุมถ่ายรูปคู่เจดีย์ยาซากะ (Yasak Pagoda)
แผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/HsuZYWYRiJKQAAem7
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
การเดินทาง : จากสถานี Kyoto ให้นั่งรถบัสสาย 100 หรือ 206 มาลงที่ป้าย Kiyomizu-michi เดินประมาณ 5 นาที

--

--

วาไรตี้ ชีวิตป้า..ช้อปปิ้ง..กิน..เที่ยว คลิกเดียว..ครบหมด!!