รีวิว ฉงชิ่ง (Chongqing) 5 วัน 4 คืน รวม 15 พิกัดกิน-เที่ยว (อัพเดท 2024)

Aumjumma & The Gang
Aumjumma
Published in
11 min readApr 16, 2024

--

ฉลองประเทศจีนฟรีวีซ่า ทริปนี้อัมจะพาเที่ยวจีนกันที่เมืองสุดอลัง มหานครแห่งหมาล่าตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนภายในมณฑลเสฉวน นั่นคือ มหานครฉงชิ่งนั่นเอง เมืองเดียวแต่มีครบทุกรส อัพเดท 15 ที่กิน-ที่เที่ยว พาเที่ยวแลนด์มาร์คดังในเมือง มุมถ่ายรูปสวย และเปิดโพยมรดกโลก ธรรมชาติสุดอลัง ตื่นตากับประวัติศาสตร์แดนมังกร รอบนี้บินกับ AirAsia คือดีมาก บินตรงเวลา คุ้มค่าราคาประหยัด แล้วเค้ามีเที่ยวบินจีนหลายเมืองมาก ใครแพลนเที่ยวฉงชิ่ง (Chongqing) ตามรอยอัมมาเลยค่า

เที่ยวฉงชิ่ง (Chongqing) 5 วัน 4 คืน งบคนละหมื่นนิดๆ (อัพเดท 2024) EP.1

ไปจีนกับแอร์เอเชีย ตะลุยมหานครฉงชิ่ง เวลาดีงามบินเช้าถึงจีนสายๆ กลับเย็นๆ ถึงไทยค่ำๆ เที่ยวคุ้ม ตรงเวลา คุณภาพครบ บินตรงสู่จีนมากที่สุด 12 ปลายทาง

สำหรับทริปนี้เป็นอีกทริปที่ตื่นเต้นไม่แพ้ทริปจีนปีที่แล้ว เพราะเป็นทริปที่จะได้ไปเที่ยวจีนแบบฟรีวีซ่า พอทางสถานฑูตจีนประกาศ เราก็รีบทำแพลนจองตั๋วกันเลยจ้า สำหรับสายการบินก็ขอยกให้อันดับหนึ่งในใจอย่าง AirAsia เลยจ้า รูทจีนเค้าเยอะมาก เอาแบบที่ไม่ยากมาก เลยเคาะว่าเราจะไปเมือง ฉงชิ่ง (Chongqing) กัน

สำหรับสายการบิน อัมแนะนำ AirAsia เลย รูทบินจีนเยอะมาก มีให้เลือกหลากหลายเมือง แอร์เอเชียมีบินตรงไปฉงชิ่ง (Chongqing) วันละ 2 เที่ยวบินเลยจ้า เลือกบินเช้าถึงสายๆ ได้ หรือบินบ่ายถึงเย็น ส่วนขากลับ มีทั้งสายๆ ถึงไทยบ่าย หรือจะเที่ยวแบบเต็มวัน บินค่ำ ถึงไทยสามทุ่ม ที่สำคัญราคาไม่แรง จัดแผนเที่ยวได้แบบจัดเต็ม

ใครหิวก็เติมพลังกันซักหน่อย โดยเมนูบนเครื่องจาก Santan มีให้เลือกเพียบ ไม่ว่าจะอาหารประจำชาติอาเซียน อาหารนานาชาติ หรืออาหารมังสวิรัติ แถมยังมีอิ่มประหยัดอย่างชุด Santan Combo ด้วยจ้า ใครอยากกินแนะนำจองล่วงหน้ามาก่อนนะ อาหารบนเที่ยวบินทุกรายการที่สั่งจองไว้จะเสิร์ฟพร้อมเครื่องดื่มฟรี อย่างรอบนี้สั่งลาซานญ่าไก่ อุ่นมาร้อนๆ อร่อยมาก สั่งจองอาหารล่วงหน้าได้ที่ https://www.airasia.com/aa/inflight-comforts/th/th/hot-meals.html

ทำการบ้านก่อนไป สิ่งควรรู้ก่อนไปเที่ยวประเทศจีน!! (อัพเดท 2024)

เที่ยวจีนตอนนี้ไม่ต้องขอวีซ่าแล้ว โดยเริ่มเปิดใช้ในวันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป โดยมีเงื่อนไขสำหรับประเทศไทยมีสิทธิ์เดินทางโดยไม่ต้องขอวีซ่าไปยังประเทศจีนนาน 30 วัน สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา และหนังสือเดินทางกึ่งราชการ และกำหนดด้วยว่า ระยะเวลาพำนักแต่ละครั้งไม่เกิน 30 วัน โดยภายในช่วงเวลา 180 วัน สามารถพำนักรวมระยะเวลาไม่เกิน 90 วันเท่านั้น มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มีนาคม 2567 นี้

โหลด App Alipay + Wechat และพกเงินสดไว้แบงค์เล็ก-ใหญ่ติดตัวไว้ด้วยดีที่สุด! แม้จะเป็นประเทศจีนจะเป็นตัวแม่แห่ง Cashless Society จะจ่ายเงินที่ไหนก็ต้องผ่าน App เท่านั้น สำหรับ 2 แอพที่แนะนำเลยคือ Alipay และ Wechat ควรทำให้เรียบร้อยจากเมืองไทยไปเลยนะ โดยหลักๆ Alipay นี่จะเอาไว้จ่ายทุกอย่าง ส่วน Wechat หน้าที่หลักคือ จะเอาไว้ใช้คุยกับคนจีน ติดต่อโรงแรม แล้วแอพคือเทพมาก พิมพ์ไทยคุยได้เลย เวลาเค้าพิมพ์มากด Translate แปลได้เลยอัตโนมัติ และอีกอย่างที่สำคัญคือการเรียก Taxi ก็สามารถเรียกใน Alipay ได้เลยนะ สะดวกมาก

หลังจากไปจีนมา 3 รอบแล้ว เจ้า Alipay นี่มันดันผูกบัตรเครดิตหรือ Travel Card บางใบไม่ได้ จะมีที่รอดก็คือ Youtrip นี่แหละ แต่ๆๆ แม้จะผูกบัตรรอด เคยเจอร้านบางร้าน Taxi บางคันแม้จะจ่ายด้วย Alipay ดันจ่ายไม่ได้ ดังนั้นควรแลกเงินหยวนของจีนพกติดตัวไปด้วยนะ ควรมีทั้งแบงค์เล็กแบงค์ใหญ่ เพราะสุดท้ายที่เคยเจอกับ Taxi คือพอ Scan จ่ายไม่ได้ พี่แกก็ไม่มีเงินสดที่จะทอนด้วย ดังนั้นสำคัญเลยนะ

หรือล่าสุดตอนนี้เราใช้ True Money จากไทยจ่ายที่จีนแล้วด้วยนะ แม้จะยังไม่ 100% ทั้งหมด แต่ถือว่าสะดวกดีค่ะ โดยสามารถ จ่ายทุกร้านที่มีสัญลักษณ์ Alipay และประเทศอื่นๆ ที่ร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ Alipay+ กดเลือกประเทศจีน แสกนจ่ายได้เลย ส่วนเรทถูกกว่าธนาคาร แต่แพงกว่าของ Youtrip นิดหน่อย

ผู้นำทางที่ดีที่สุดสำหรับคนใช้ iOS ขอยกให้ Apple Maps ส่วนใครใช้ Andriod ควรใช้ Baidu Map โดยเจ้า Apple Maps เนี่ย ฉลาดมาก ซึ่งที่จีนใช้ได้ บอกละเอียด ว่าขึ้นรถที่สถานีไหน ลงที่สถานีไหน ที่สำคัญเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ต้องมานั่งปวดหัวเรื่องภาษา แล้วเวลากดดูแต่ละสถานที่เค้าจะดึงข้อมูลจาก Dianping หรือรีวิวใน Trip.com มาเพื่อให้เราเห็นภาพรวมก่อนที่จะเดินทางได้ด้วย ส่วนใครไม่มีก็แนะนำให้โหลด Baidu Map แทน บอกละเอียด แต่ภาษาจีนเท่านั้น หาวิธีการเดินทางโดยเอาชื่อสถานที่ไปหาเป็นภาษาจีนแล้วค่อยเอามาใส่อีกที

Baidu Map
iOS :
https://apple.co/4atsMkd
Android :
https://bit.ly/43FhpU7

วุ้นแปลภาษา Google Translate แม้ว่าสมัยนี้คนจีนบางคนจะพอพูดอังกฤษได้บ้างแต่คนในประเทศเค้าก็ยังเน้นพูดจีนเป็นหลัก การสื่อสารกับเค้าง่ายที่สุดก็คือใช้ App Google Translate ใช้ได้ทั้งพิมพ์และพูดใส่ เผื่อเอาไว้ใช้ถามทาง ซื้อของ ต่อราคาได้ แปลเมนูอาหารอันนี้ใช้บ่อยมาก

Google Translate
iOS :
https://apple.co/3TAMAeL
Andriod :
https://bit.ly/49b5mz7

Bindun Langyi Hotel (Chongqing Jiefangbei Hongyadong) คุ้มมาก คืนละ 1,000+ รวมอาหารเช้า ติดรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานี Linjiangmen แค่ 3 นาที รอบๆ มีร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ

สำหรับที่พักใน ฉงชิ่ง (Chongqing) เรานอนที่ Bindun Langyi Hotel (Chongqing Jiefangbei Hongyadong) ความดีงามคือเดินทางสะดวก เพราะติดรถไฟใต้ดินสถานี Linjiangmen เดินแค่ 3 นาทีถึง โดยตัวโรงแรมจะอยู่ที่ชั้น 6 ของตึกนี้เลย

ตัวห้องพักก็ตกแต่งสไตล์มินิมอลมูจิ รวมอาหารเช้า 2 คน แค่คืนละ 1,000+ ถือว่าคุ้มค่ามาก เตียงนอนดีใช้ได้เลย มีน้ำให้วันละ 2 ขวด มีทีวี ส่วนห้องไม่เล็กมีโต๊ะทำงาน ส่วนห้องน้ำนี่ก็ดีหมด แยกโซนเปียกโซนแห้ง ขาดแค่ไม่มีสายฉีดชำระเฉยๆ

ส่วนรอบๆ โรงแรมนี่ดีมาก มีทั้ง Foodcourt มีร้านสะดวกซื้อ และ ร้านอาหาร สะดวกสบายสุดๆ แถมเดินไปย่าน Jiefangbei ได้แค่ 5–10 นาที

จองโรงแรม Bindun Langyi Hotel (Chongqing Jiefangbei Hongyadong)
ได้ที่นี่ >>
https://agoda.tp.st/Badicz7A

จองโรงแรมฉงชิ่ง (Chongqing) ราคาพิเศษ คลิ๊กเลย https://agoda.tp.st/thYUaZj4

การเดินใน ฉงชิ่ง (Chongqing) สะดวกสุดๆ ไปไหนมาไหนด้วย รถไฟฟ้าฉงชิ่ง (Chongqing Rail Transit : CRT)

ใครบอกว่าจีนเดินทางยาก ขอให้เปลี่ยนความคิด สำหรับที่ฉงชิ่งนี้แม้ว่าจะสร้างบ้านเรือนบนเขา แต่การเดินทางเค้าล้ำไม่แพ้ที่อื่น โดยรถไฟฟ้าของ ฉงชิ่ง Chongqing Rail Transit เค้าใช้เทคโนโลยีระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยวจากประเทศญี่ปุ่นเลยนะ มีทั้งรถไฟฟ้าใต้ดินและรถไฟฟ้าโมโนเรล ซึ่งในปัจจุบันมีถึง 11 สายไปแล้ว วิธีการเดินทางก็แค่เปิดแอพ Alipay กดตรง Transport แล้วกดตรง Metro ระบบจะ Gen QRCode ให้เราใช้แสกนเข้า ส่วนเวลาออกก็กดอีกที เป็นอันเรียบร้อยไม่ต้องพกบัตรใดๆ ทั้งสิ้น สะดวกเว่อร์ อยากให้ที่ไทยมีแบบนี้บ้างเลย

ร้านหนังสือจงซูเก๋อ (Zhongshuge Bookstore) สาขาเมืองฉงชิ่ง นี่คือร้านหนังสือที่สวยที่สุดในฉงชิ่ง มุมถ่ายรูปเก๋มาก ทั้งมุมบันไดและเพดานกระจกสุดปัง

หลังจากที่เคยไปถ่ายสาขาที่เซินเจิ้นมาแล้ว รอบนี้พามาที่ ร้านหนังสือจงซูเก๋อ (Zhongshuge Bookstore) สาขาเมือง ฉงชิ่ง (Chongqing) กันบ้าง โดยสาขานี้เป็นสาขาที่ 14 ตั้งอยู่ที่ชั้น 3 และ 4 ของอาคาร Zodi Plaza เป็นอีกหนึ่งสาขาที่สวยที่สุด ตอนเดินเข้ามาตัวห้างจะดูโหวงๆ หน่อย แต่พอเดินขึ้นมาถึง ร้านหนังสือยังเปิดอยู่ปกตินะ เข้าชมฟรี ไม่เสียเงิน แต่ว่าต้องไม่ใช้เสียงดังนะ เพราะมีคนมาอ่านหนังสือจริงๆ อยู่ด้วย

การดีไซน์มีไฮไลท์คือการใช้เพดานกระจกสะท้อนพื้น โดยพื้นที่ตรงกลางร้านเป็นโถงสูง 2 ชั้น รายล้อมด้วยชั้นหนังสือและบันไดที่พาดไปมาจากชั้นล่างจรดชั้นบน เมื่อผนวกเข้ากับเพดานกระจกเหนือศีรษะ จะเกิดเป็นภาพสะท้อนที่ทั้งแปลกตาและน่าพิศวง นอกจากช่วยให้พื้นที่ดูใหญ่เป็นสองเท่าของขนาดห้องเลย แถมตัวบันไดคล้ายกับ Stepwell ในอินเดีย ทำให้มีความเก๋ขึ้นไปอีก

นอกจากมุมโถงบันไดจะสวยแล้ว ตัวชั้นหนังสือของร้านดอกนอก ก็ยังเก๋ไม่แพ้กัน เค้าดีไซน์ให้คล้ายกับโคมจีนโบราณ แล้วด้านบนเป็นเพดานกระจก ทำให้เหมือนชั้นหนังสือลอยได้ ถ่ายรูปสนุกมาก

โซนหนังสือเด็กก็แอบน่าร้าก เค้าก็ยังออกใบเน้นไปที่สีสันพาสเทลและแอบใส่กราฟฟิคให้สนุกขึ้น ใส่พื้นเป็นพรมสีชมพูลงไปด้านบนติดกระจกสะท้อน ทำให้น้องๆ หนูๆ เข้ามาอ่านหนังสือกันเยอะเลย

Zhongshuge Bookshop
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 10.00–22.00 น.
การเดินทาง :
นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีเขียวมาลงที่สถานี Yangjiaping ออกทางออก B เดินมาเลี้ยวขวาออกจากสถานีมา 5–10 นาที จะเจอห้าง ZODI PLAZA เข้าไปในห้างแล้วขึ้นไปชั้น 3 ได้เลย

Hong Ya Dong (洪崖洞) สถานที่ท่องเที่ยวระดับ 4A นี่คือสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของฉงชิ่งที่มีประวัติศาสตร์มากกว่า 2000+ ปี ตอนกลางคืนสวยมาก

ถ้ามา ฉงชิ่ง (Chongqing) แต่ไม่มา หงหยาต้ง (Hong Ya Dong) เหมือนมาไม่ถึง แลนด์มาร์คสุดอลังการ ตอนกลางคืนคือสวยมาก ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจียหลิงที่นครฉงชิ่ง ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน เป็นคอมเพล็กซ์มอลล์ขนาดใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 46,000 ตารางเมตร สูง 75 เมตร มีทั้งหมด 11 ชั้น สร้างติดกับหน้าผา ที่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายสินค้าที่ระลึกมากมาย มีโรงแรมด้วยจ้า ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมที่ตกแต่งในรูปแบบจีนโบราณ เป็นจุดนัดพบยามค่ำคืนของชาวเมืองฉงชิ่ง เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำเจียหลิง

โดยพื้นที่บริเวณนี้มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนานกว่า 2,300 ปี ในอดีตเคยเป็นป้อมปราการเมืองของอาณาจักรปา มีวัฒนธรรมที่เรียกว่า “ปาหยู” ซึ่งในหงหยาต้งทุกวันนี้ก็ยังมีโซนจัดแสดงทางวัฒนธรรมดังกล่าวอยู่ นอกจากนั้นบริเวณนี้ยังถือเป็นท่าเรือในยุคแรกเริ่มของจีนโบราณอีกด้วย ใครอยากได้รูปสวยๆ โดยตากล้อง ใช้เงินแก้ปัญหาได้ ที่ชั้น 1 เค้ามีร้านแต่งตัวรับจ้างถ่ายรูป ประมาณคนละ 299 หยวน ได้ 20 รูป รวมแต่งตัว ทำผมแล้ว

ส่วนมุมถ่ายรูปจะมีอยู่ 2 จุดหลักๆ จุดแรกคือฝั่งตรงข้าม ให้นั่งรถไฟฟ้าไปลงสถานี Grand Theater เดินลงไปริมน้ำ ถ่ายฝั่งตรงข้ามย้อนมาจะได้รูปเห็นทั้งวิวสะพาน Qiansimen ที่เปิดไฟสีแดง และแสงไฟยามค่ำคืนของตัวอาคารติดไฟสีส้ม แสงจะสะท้อนน้ำสวยมาก หรือจะเดินเลียบสะพานมา อันนี้ก็ได้ถ่าย หงหยาต้ง (Hong Ya Dong) มุมสูงแบบไม่ใช้โดรนด้วยใช้มือถือถ่ายยังสวยเลย

ใครอยากถ่ายติดสะพานสีแดง Qiansimen เค้าเปิดไฟสะพานถึงแค่ 21.30 น. เท่านั้น

ส่วนอีกจุดคือให้จากหงยาต้ง (Hong Ya Dong) ให้เดินข้ามสะพานลอยมาฝั่งตรงข้าม แต่ตรงนี้จะคนค่อนข้างเยอะหน่อย แอบถ่ายยากนิดนึง ซึ่งฝั่งนี้จะเป็นฝั่งขึ้นเรือชมวิวฉงชิ่งยามค่ำคืนด้วย ใครมาแถวนี้อย่าลืมกินไส้กรอกนะ เป็นเหมือนไส้กรอกแดง เค้าจะปิ้งแล้วเอาไปคลุกหมาล่า อร่อยม้ากก ไม้ละ 5–10 หยวน

Hong Ya Dong (หงหยางต้ง)
เวลาเปิด-ปิด : ตัวอาคารหงหยาต้ง เปิดไฟถึงแค่ 23.00 น. / สะพานสีแดง
Qiansimeng เปิดไฟถึงแค่ 21.30 น.
การเดินทาง :
นั่งรถไฟใต้ดินสาย 2 ลงสถานี Linjiangmen ทางออก A เดินต่ออีกประมาณ 700 เมตร หรือ รถไฟใต้ดินสาย 1 หรือสาย 6 ลงสถานี Xiaoshizi ทางออก 6 เดินต่ออีกประมาณ 700 เมตรก็จะถึง

ปิดท้ายวันแรกกับมื้อง่ายๆ ร้านอาหารฝั่งตรงข้ามโรงแรมที่ปิดค่อนข้างดึก เป็นฉงชิ่งเสี่ยวเมี่ยน (บะหมี่ฉงชิ่ง) แต่เราเลือกเป็นบะหมี่เนื้อแทน (22 หยวน) ให้เส้นเยอะมากก!! เอาจิงชามนึงกิน 2 คนได้เลย เนื้อตุ๋นมาใช้ได้ แต่ยังไม่ได้นุ่มมาก สำหรับแฟน สั่งเป็นข้าวหน้าไส้พะโล้ชามใหญ่ (24 หยวน) น้ำราดจะออกเค็มๆ หน่อย มีไข่ให้ครึ่งฟอง ทานคู่กับผักดอง

วันที่สอง เปิดโพยมรดกโลก อุทยานแห่งชาติหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์ อันซีนเมืองฉงชิ่ง มรดกโลกธรรมชาติระดับ 5A และ Unesco แห่งเมืองอู่หลง

สำหรับการเดินทาง จากฉงชิ่ง (Chongqing) ให้ไปขึ้นที่สถานีรถบัส Sigongli (四公里) นั่งรถบัสไปลง Wulong (武隆) ประมาณ 2 ชั่วโมง คนละ 60 หยวน เสร็จแล้วหารถบัสต่อไป 仙女镇 (เซียน หนี่ เจิ้น) ประมาณ 40 นาที (10 หยวน) ถึงที่ตึกพิระมิด

ส่วนของอัมนี่ซื้อทัวร์จีน นั่งรถบัสรวดเดียวถึง ขึ้นรถแถว Jiefangbei ตอน 07.30 น. ถึงที่หน้าตึกพีระมิดเลย ตอน 11.00 น. แล้วกลับอีกที 17.00 น. ถึง Jiefangbei ตอนประมาณ 20.00 น. คนละ 1,650 บาท รวมตั๋วค่าเข้าอุทยานแล้วก็ถือว่าค่อนข้างสะดวกเลย ขึ้นรถปุ๊ปหลับยาวๆ ได้เลย แนะนำขึ้นรถแล้วรีบหาที่นั่งนะ เค้าจะแวะเข้าห้องน้ำ ประมาณ 2 จุด

พอถึงที่อาคารพิระมิด สำหรับใครมาเองให้เดินลงไปซื้อตั๋วด้านล่าง สำหรับค่าตั๋วเข้า ช่วงเดือนมีนาคม-ตุลาคม คนละ 125 หยวน / พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ คนละ 95 หยวน ซื้อเสร็จให้ลงไปขึ้นรถบัสไปลงที่หน้าทางเข้าใช้เวลาประมาณ 15 นาที รถบัสจะมาจอดส่งเรา ให้เดินย้อนกลับมาตรงทางเข้าจะเจอพี่ Bumble Bee ยืนเด่นเลย

หลังจากนั้นเราก็จะต้องลงลิฟท์แก้วที่ความสูงกว่า 80 เมตร แต่เอาจิงๆ พี่จีนน่าจะเช็ดทำความสะอาดซักหน่อยนะ มันไม่ใสแล้ว พอลงมาด้านล่างก็จะมีทางเดินค่อยๆ เดินลงไปสู่ด้านล่าง

ด้านล่างนี่เอง เป็นโรงเตี๊ยมเก่าแก่ ซึ่งในอดีตเป็นจุดแวะพักของคนเดินทางในสมัยสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618–907) แต่สมัยนี้เค้ารีโนเวทสร้างใหม่โดยอิงของเก่าไว้นะ ซึ่งเมื่อก่อนนักเดินทางเค้าก็จะมาแวะพักที่นี่เพราะเนื่องจากหุบเขานี้เป็นเส้นทางลัดจากเสฉวนไปยังเหอหนานนั่นเอง มุมนี้ถือว่าเป็นมุมถ่ายรูปไฮไลท์ของคนที่มาเที่ยวอุทยานแห่งชาติหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์เลย มาแล้วต้องมาถ่ายนะ

แม้โรงเตี๊ยมนั้นจะสร้างใหม่แต่ก็ยังคงความสวยงามแบบดั้งเดิมไว้เหมือนเคย ด้านในยังคงได้บรรยากาศโรงเตี๊ยมโบราณแหล่งพักผ่อนชั้นดีในสมัยโบราณ ซึ่งโรงเตี๊ยมนี้เคยเป็นหนึ่งในฉากของภาพยนตร์ Curse of Golden Flower ด้วย

ด้านในโรงเตี๊ยม ภายในจะมีจอ LCD ฉายภาพยนตร์เรื่อง “ศึกโค่นบันลังก์วังทอง” โดยเน้นที่ฉากสำคัญคือโรงเตี๊ยมแห่งนี้และมีที่ให้เราเช่าชุดโบราณถ่ายกับโรงเตี๊ยมโดยมีฉากหลังเป็น สะพานมังกรฟ้า (Tianlong Bridge)

สำหรับจุดแรก สะพานมังกรสวรรค์ (Tianlong Bridge) เป็นสะพานที่อยู่ใกล้กับโรงเตี๊ยมโบราณ ซึ่งเดิมเคยเป็นจุดแวะพักของคนเดินทางในสมัยก่อน ตั้งแต่ในสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618–907) ลักษณะเส้นทางจะเป็นโพรงขนาดใหญ่ เมื่อมองทะลุออกไปคล้ายกับสะพานเชื่อมสวรรค์กับโลกมนุษย์ คือใหญ่มากนะ ตัวคนเหลือเล็กนิดเดียวเลย

เดินมาอีกนิด แฟนๆ ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง Transformer 4 ต้องฟิน ไปตามรอยสถานที่ถ่ายทำจริง ฉากตอนไดโนบอทและออฟติมัสไพรม์ ถ่ายทำจริงที่นี่เลยจ้า

เดินจากโรงเตี๊ยมมาเรื่อยๆ จะเจอสะพานแห่งที่ 2 คือ สะพานมังกรเขียว หรือ Qinglong Bridge ซึ่งมีลักษณะเป็นโพรงหน้าผาคล้ายรูปดาบ บางคนเรียกว่า “ดาบกวนอู” เพราะรูปร่างของหน้าผาที่แหลมชี้ขึ้นฟ้าและมีเงาสะท้อนบนผิวน้ำดูคล้ายดาบ คนจีนชอบมาทำท่ากำดาบ อัมก็เลยลองบ้างออกมาจอมยุทธหญิงจ้า 55

และสะพานสุดท้าย สะพานมังกรดำ หรือ Heilong Bridge เป็นสะพานผาที่แคบที่สุด บางมุมวางอยู่ในเงาผาเป็นที่มาของชื่อสะพานสะพานหินธรรมชาติ 3 แห่งที่นี่นับว่าเป็น “กลุ่มสะพานหินธรรมชาติ” ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

พอเดินออกมาก็จะเจอกับหินหน้าลิง เออ อันนี้เหมือนจริงนะ มีตา มีจมูก มีปากด้วย

หลังจากนั้นก็จะเจอกับจุดสุดท้ายตรงนี้จะเป็นน้ำตกสายน้อยใหญ่ที่ไหลลงมาจากรอยแยกหุบเขา ตามรอยเลื่อนของเปลีอกโลกที่แยกออกจากกัน ลงมาบรรจบที่เบื้องล่าง เป็นทะเลสาบเล็กๆ เดินผ่านตรงนี้ก็จะทะลุไปสู่ทางออก มีห้องน้ำอยู่ที่ปลายทาง ใช้เวลาเดินประมาณ 10–15 นาที

สำหรับใครเดินไปจนถึงทางออกแล้ว จะยังไม่ถึงอาคารพีระมิดนะ เค้าจะมีให้เลือกเดินไปยังจุดต่อรถหรือนั่งรถกอล์ฟไป แนะนำให้ซื้อตั๋วนั่งรถกอล์ฟไปนะ เพราะว่าเป็นการเดินแบบขึ้นเขา จ่ายแค่คนละ 15 หยวนเท่านั้น ต้องเผื่อเวลาให้ดีนะ เพราะว่าจากจุดต่อรถ ไปยังอาคารพีระมิด ก็ใช้เวลาอีก 20 นาทีเลย

อุทยานแห่งชาติหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์ เมืองอู่หลง
เวลาเปิด-ปิด : 08:30–17:00 น. (เข้าชมรอบสุดท้าย 16:30 น.)
การเดินทาง : จากฉงชิ่ง (Chongqing) ให้ไปขึ้นที่สถานีรถบัส Sigongli (四公里) นั่งรถบัสไปลง Wulong (武隆) ประมาณ 2 ชั่วโมง คนละ 60 หยวน เสร็จแล้วหารถบัสต่อไป 仙女镇 (เซียน หนี่ เจิ้น) ประมาณ 40 นาที (10 หยวน) ถึงที่ตึกพิระมิด

Chongqing Haochi Street ถนนแห่งสตรีทฟู้ดย่าน Jiefangbei ของกินเพียบตลอดทั้งเส้น

หลังจากนั่งรถกลับมาปุ๊ป พอลงรถเสร็จ ฝั่งตรงข้ามจะเป็น Chongqing Haochi Street ตรงนี้ถือว่าเป็นแหล่งรวมสตรีทฟู้ด มีให้เลือกกินทุกอย่าง ทั้งของคาว ของหวาน เครื่องดื่ม มาที่เดียวครบเลย แนะนำร้านเนื้อย่างหมาล่า 国潮来袭 อร่อยมาก คนยืนต่อคิวเพียบ กินกันเพลินจนพุงตึงก่อนกลับโรงแรม

นอกจากของกิน ของฝากขึ้นชื่อของเมือง ฉงชิ่ง (Chongqing) ที่เป็นเครื่องเทศก็เด็ด โดยเฉพาะหม่าล่าวัตุดิบที่ชาวจีนเสฉวนนิยมใส่ลงไปในอาหาร นี่เค้ามีทำกันใหม่ๆ ตักใส่ถาดเอาไปแช่เย็น แล้วตักแบ่งขายกันเป็นก้อนๆ เลยจ้า

Chongqing Haochi Street
Baidu Map : 分享地点
https://j.map.baidu.com/a1/TpqK

Huaujueping Grafiti Street ถนนแห่งสตรีทอาร์ตที่ใหญ่ที่สุดในจีน ย่านมหาวิทยาลัย Sichuan Fine Arts Institute

ใครชอบถ่ายสตรีทอาร์ต ต้องมาย่านนี้เลยค่า Huaujueping Grafiti Street ย่านมหาวิทยาลัย Sichuan Fine Arts Institute คือแค่ขึ้นมาจากรถไฟฟ้าก็อาร์ตแล้วจ้า ตึกรามบ้านช่อง สองข้างทางสีสันคัลเลอร์ฟูลมาก บางชิ้นงานนี่คือวาดกันแบบทั้งตึกไปเลยจ้า เค้าบอกว่าเป็นย่านกราฟฟิตี้ที่ใหญ่ที่สุดในจีน เป็นผลงานจากจิตรกร ศิลปิน และนักศึกษากว่า 800 คน ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงาน มีระยะทางมากกว่า 1.2 กิโลเมตร

นอกจากมุมน่ารักๆ ที่แฝงเอาไว้ทุกที่ของย่านนี้แล้ว หน้ามหาวิทยาลัย Sichuan Fine Arts Institute ก็มีตัวซุ้มอาหารด้านหน้าที่ทำจากอิฐเป็นมุมโค้ง มุมเว้า ถ่ายรูปได้ฮิปไม่แพ้กัน แต่เค้าไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้าไปเดินไปในมหาวิทยาลัยนะ ใครชอบงานศิลป์ มาที่นี่ฟินแน่นอนค่า

Huaujueping Grafiti Street
เวลาเปิด-ปิด : เปิด 24 ชั่วโมง
การเดินทาง :
นั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานี Sichuan ออกทางออกที่ 4 ถึงเลย

แวะกินข้าวเที่ยงสไตล์ฮ่องกงที่ร้าน 金翠河 ห้าง Paradise Walk รสชาติใช้ได้ หมูแดงโอเคเลย

พอลงสถานี Jiandingpo เสร็จ เราแวะกันข้าวที่ห้าง Paradise Walk ก่อนหลังจากเดินเลือกอยู่นานมาจบที่ร้าน 金翠河 ใครที่กินหมาล่ามาหลายวัน อยากกินอย่างอื่นบ้าง แนะนำร้านนี้เลย เพราะว่าเป็นอาหารจีนสไตล์ฮ่องกง มีพวกข้าวหน้าหมูแดง ข้างหน้าเป็ดย่าง พวกติ่มซำ ชานม อาหารฮ่องกงมีหมด จานละ 20 กว่าหยวน มีน้ำชาฟรี

ร้าน 金翠河 ห้าง Paradise Walk
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 10.00–22.00 น.
การเดินทาง :
นั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานี Jiandingpo สายสีแดง Exit 1 อยู่ในห้าง

Luo Zhongli Art Museum พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในฉงชิ่ง ไปถ่ายรูปกับอาคารที่ตกแต่งจากเศษกระเบื้องไร้ค่าจนกลายเป็นงานศิลป์สุดอลัง

ใครเป็นสายอาร์ตแนะนำที่นี่เลยค่ะ Luo Zhongli Art Museum ตัวอาคารครอบคลุมพื้นที่ 23,000 ตารางเมตร นอกจากด้านในมิวเซียมจะมีงานอาร์ตที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนแสดงแล้ว ตัวอาคารยังสวยมาก แต่ที่เราเห็นเป็นลวดลายนั้น ไม่ได้เกินจากการทาสีนะคะ แต่มันคือเศษกระเบื้องไร้ค่าที่ไม่ใช้แล้ว

ความน่าสนใจคือ ตัวผนังด้านนอกของพิพิธภัณฑ์ศิลปะนั้นตกแต่งด้วยขยะ เค้าไปไล่ซื้อกระเบื้องแตกไร้ค่าจากโรงงานหลายแห่งที่ไม่ได้ใช้แล้ว มาติดเป็นลวดลายศิลปะที่สวยมาก คือเป็นไอเดียที่ดีมากเลย นอกจากสวยแล้วทำให้อาคารนี้จึงประหยัดต้นทุนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งโปรเจคนี้มีนักศึกษาเข้าร่วมก่อสร้างมากกว่า 30 คนเลยนะ

Luo Zhongli Art Museum
เวลาเปิด-ปิด : วันอังคาร — วันอาทิตย์ 9.00–17.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์)
การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้า Line 1 มาลงสถานี University Town Station เดิน 10 นาที

Chongqing Art Gallery อาร์ตแกลอรี่ตึกตะเกียบสุดอลัง แลนด์มาร์คดังฉงชิ่ง

เริ่มต้นวันที่ 4 อีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่อยู่ไม่ไกลโรงแรม เดิน 10 นาทีถึง กับตึกที่มีสถาปัตยกรรมที่เท่มากนั่นคือ Chongqing Art Gallery อาร์ตแกลอรีที่โคตรคูล ตัวอาหารเหมือนเอาตะเกียบแท่งสีแดง สีดำ มาวางซ้อนๆ กันเป็นชั้นๆ นอกจากนั้นในตัวแห่งนี้ได้ฉายาว่า ‘ตึกตะเกียบ’ หนึ่งในสัญลักษณ์ของเมือง ฉงชิ่ง (Chongqing) ที่เหมือนเอากองตะเกียบยักษ์สีดำและแดงมาวางซ้อนกันเป็นชั้น ๆ

ส่วนด้านในก็จะเป็นแกลอรี่ งานศิลปะต่างๆ หมุนเวียนกันไป ด้านหลังชั้น 2 ก็สวยนะ จะเป็นตึกช่องๆ สีแดง ตรงนี้สามารถเดินไปหงหย้าตง ได้ไม่เกิน 5 นาที ตอนกลางคืนตัวอาคารมีเปิดไฟประดับด้วยนะ ช่วง 19.00–20.00 น. ใครสายแลนด์มาถ่ายกันได้

Chongqing Art Gallery
เวลาเปิด-ปิด : วันอังคาร-วันอาทิตย์ 09:00–16:30 น. (ปิดทุกวันจันทร์ )
การเดินทาง : ลงรถไฟฟ้าสายสีแดงสถานี Xiaoshenzi ออกทางออก 9 หรือมาลงที่สถานีสายสีเขียว Linjiangmen ออกทางออก C

ไปนั่งรถไฟวิ่งทะลุตึก 19 ชั้น ที่สถานีหลีจื่อป้า (Liziba Station)

อีกหนี่งแลนด์มาร์คฉงชิ่งที่ต้องมา! สถานีหลีจื่อป้า (Liziba Station) ไปดูรถไฟฟ้าวิ่งทะลุตึกกัน หลายคนอาจจะคิดว่าเค้าเวนคืนที่ จนต้องมาสร้างสถานีอยู่ในตึกเดียวกัน แต่ความจริงแล้วนั้น สถานีและอาคารที่พักอาศัยถูกสร้างเป็นโครงสร้างเดียวกันและสร้างขึ้นมาพร้อมกันทั้งหมด

ตัวสถานีหลีจื่อป้า (Liziba Station) นั้นตั้งอยู่ภายในชั้นที่หกถึงแปดของอาคารที่พักอาศัยความสูง 19 ชั้น ความพิเศษคือ เค้ามีการติดตั้งอุปกรณ์ลดเสียงชนิดพิเศษ โดยจะถูกเปิดเมื่อมีรถไฟฟ้าจะเข้าเทียบสถานี ซึ่งช่วยลดความดังจากเสียงรถไฟลงจนเท่าเสียงเครื่องล้างจานเท่านั้นเอง เทคโนโลยีจีนคือเก่งจิงแม่ นอกจากนั้นในแต่ละชั้นของสถานี ก็ยังมีร้านขายของต่างๆ ด้วยนะ

สถานีหลีจื่อป้า (Liziba Station)
การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าสายสีเขียวมาลงที่สถานี Liziba ได้เลย

หมู่บ้านโบราณฉือชี่โข่ว (Ciqikou Ancient Town) ตลาดโบราณชื่อดังแห่งฉงชิ่ง เหมือนย้อนอดีตกลับไปสมัยราชวงศ์หมิง

สำหรับช่วงบ่ายนี้เราเดินทางกันไกลนิดนึง ไปเที่ยว หมู่บ้านโบราณฉือชี่โข่ว (Ciqikou Ancient Town) ภายในจะได้สัมผัสกลิ่นอายย้อนยุคโบราณในสมัยราชวงศ์ซ่ง หมิง ชิง ตัวหมู่บ้านอยู่บนเนินเขาและทอดยาวไปสู่แม่น้ำ Jialing ซึ่งโครงสร้างอาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่ยังคงไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมแบบดั่งเดิม นอกจากนี้เสน่ห์อย่างหนึ่งของเมือง ฉงชิ่ง (Chongqing) คือ พื้นที่ที่เป็นเนินเขา มีระดับไม่เท่ากัน ทางเดินส่วนใหญ่จะเป็นขั้นบันไดสลับถนน

นอกจากนั้นหมู่บ้านแห่งนี้ยังเป็นแหล่งจัดหาสินค้าที่สำคัญสำหรับการขนส่งทางแม่น้ำ จึงทำให้เห็นได้ว่าที่นี่มีร้านค้ามากมายเรียงรายไปตามถนนเต็มไปหมด ไม่ว่า ร้านงานฝีมือ ร้านขายของชำ ร้านขายยา ร้านอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ และชั้นล่างสุดจะมีร้านให้เช่าชุดจีนด้วยนะ ใครอยากใส่ชุดจีนถ่ายรูปกับอาคารเก่า มาที่นี่ได้เลย ส่วนใครอยากชิว ร้านอาหารบางร้านจะมีนักร้องมาเล่นดนตรีสดให้ฟังด้วย บรรยากาศดีมาก

บ่ายนี้เจอร้านหมูย่างหม่าล่าราคาดีงาม ไม้นึงแค่ 10 หยวนเอง เลยทานข้าวกันที่นี่เลย สั่งข้าวเพิ่มชามละ 2 หยวน เป็นมื้อง่ายๆ แต่ถูกปากที่สุดเลย หรือใครอยากกินอะไร รอบๆ หมู่บ้านนี่ร้านอาหารเยอะมากนะ สตรีทฟู้ดก็เพียบเลย

หมู่บ้านโบราณฉือชี่โข่ว (Ciqikou Ancient Town)
การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีแดงมาลงที่สถาที Ciqikou ได้เลย เดินมาเรื่อยๆจะเจอตลาดเลยอยู่ไม่ไกลจากสถานีมาก

Hong’ensi Forest Park สวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดอันดับสองในฉงชิ่ง ด้านบนจะมี Hong’en Pavilion ชมวิวมุมสูงของเมือง ตอนกลางคืนสวยมาก

Hong’ensi Forest Park หรือวัดฮังหยาน นี่คือสวนสาธารณะที่ใหญ่อันดับสองของฉงชิ่ง (Chongqing) แต่วันนี้เราไม่ได้มาเดินแค่สวนสาธารณะ ซึ่งไฮไลท์จะอยู่ที่ Hong’en Pavilion เป็นเหมือนเก๋งจีนขนาดใหญ่ ออกแบบมาสวยงามมาก จะมีทั้งหมด 7 ชั้น สูงถึง 418 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เลยทำให้กลายเป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในตัวเมืองฉงชิ่ง

ส่วนอีกหนึ่งไฮไลท์อีกอย่างที่คนมารอกัน นั่นคือพอ 19.00 น. Hong’en Pavilion ก็จะเปิดไฟบอกเลยว่าสวยมาก ใครเน้นถ่ายแลนด์อย่าลืมมาเก็บภาพที่นี่นะ

Hong’ensi Forest Park (เปิดไฟเวลา 19.00 น.)
การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีฟ้ามาลงที่สถานี Dashiba เดินตาม map มาเรื่อยๆจะเจอทางเข้า หรือ นั่ง Taxi มาเลยจะสะดวกสุด

มาฉงชิ่งต้องกิน หมาล่าหม้อไฟ ร้าน 丁孃孃火锅 แถว Jiefangbei เผ็ดชาแบบต้นตำรับ ไส้เป็ด ผ้าขี้ริ้ววัว อร่อยมาก!!

มาฉงชิ่ง (Chongqing) ทั้งที ไม่กินหม้อไฟหมาล่าได้ไง ร้านคือเยอะมาก ไม่ว่าเดินไปย่านไหนก็มีร้านเต็มไปหมด แต่วันนี้เรากินแถวๆ ฝั่งตรงข้าม Chongqing Art Gallery เดินไปตรง Daijai Alley จะเจอร้าน 丁孃孃火锅 นี้เลย

วิธีการสั่ง เปิด Google Translate รอเลยนะ 55 เค้าจะให้เลือกน้ำซุปก่อน ของเราเลือกเป็นหมาล่า กับน้ำซุปเป็ดตรงหม้อกลางเล็กๆ หมาล่าที่ ฉงชิ่ง (Chongqing) นี่เค้าจะเป็นน้ำมันใส่เครื่องหมาล่าเยอะมาก ไม่สามารถซดได้เหมือนซุปบ้านเรานะจ้ะ หลังจากนั้นก็เอา Wechat แสกนเมนู เพื่อสั่งว่าเอาเมนูไหนบ้าง ถามว่ามาแล้วควรกินเมนูไหนดี แนะนำเลย ไส้เป็ด และ ผ้าขี้ริ้ว นอกนั้นจะสั่งหมู เนื้อ มาค่อยว่ากันอีกที ที่นี่วัตถุดิบแต่ละตัวจะใช้เวลาลวกไม่เท่ากัน ไส้เป็ดนี่คือกรอบม้าก นอกจากนั้นก็สั่ง เนื้อ สั่งหมู เส้นมันมากิน มื้อนี้อยู่ที่ 195 หยวน ก็ตกคนละ 500 บาท

ร้านหมาล่าหม้อไฟ 丁孃孃火锅
การเดินทาง : ลงรถไฟฟ้าสายสีแดงสถานี Xiaoshenzi ออกทางออก 9 หรือมาลงที่สถานีสายสีเขียว Linjiangmen ออกทางออก C อยู่ฝั่งตรงข้าม Chongqing Art Gallery

พาเดินเล่นย่านช้อปปิ้ง Jiefangbei ศูนย์รวมร้านค้า ร้านแบรนด์เนม ร้านอาหาร มาย่านเดียวครบมีทุกสิ่ง

เที่ยวกันจุใจแล้ว วันสุดท้ายก่อนกลับก็ขอพาไปช้อปปิ้งกันบ้างที่ย่าน Jiefangbei กันที่ย่านนี้เป็นทั้งจุดนัดพบย่านชิคใจกลางเมือง มีหอนาฬิกาเจียฟางเป่ย ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงชัยชนะของจีนในสมัยที่ทำสงครามกับญี่ปุ่น คึกคักทั้งกลางวันและกลางคืน ช้อปปิ้งได้ตั้งแต่เบาๆ ไปยันร้านแบรนด์เนมชื่อดัง ห้างสรรพสินค้า ศูนย์อาหารรายล้อมเต็มไปหมด

ย่าน Jiefangbei
การเดินทาง : ลงรถไฟฟ้าสถานีสายสีเขียว Linjiangmen ออกทาง 1

แวะไหว้พระขอพรกันที่วัดหลัวฮั่น (Luohan Temple 罗汉寺) วัดเก่าแก่ที่สุดในฉงชิ่ง ชมพระพุทธรูปแกะสลักบนหินกว่า 400 องค์

วัดหลัวฮั่น (Luohan Temple 罗汉寺) วัดสำนักงานใหญ่พุทธสมาคมแห่งนครฉงชิ่ง เป็นวัดเก่าแก่ที่สุดใน ฉงชิ่ง (Chongqing) ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ 1,000 ปีก่อน ในสมัยราชวงศ์ซ่ง ก่อนถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 1945 มีค่าเข้าคนละ 20 หยวนสามารถซื้อตั๋วเข้าที่หน้าวัดได้เลย

หลังจากเดินเข้ามาในวัด สองข้างทางเดินก็จะมี หินแกะสลักจากสมัยราชวงศ์ซ่งมาก กว่า 400 องค์ รูปที่แกะสลักในสมัยราชวงศ์ซ่ง รวมถึงพระพุทธไสยาสน์นิพพาน คล้ายกับที่ต้าจู๋ ให้เราได้ไหว้สักการะด้วยค่ะ

พอเดินเข้ามาถึงด้านในตัววัดสวยมาก ภายในอุโบสถ มีสมบัติล้ำค่าทางพุทธศิลป์ มากมาย เช่น รูปปั้นพระพุทธเจ้าต่างๆ ตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง จิตรกรรมฝาผนังสไตล์อินเดีย และรูปปั้นพระอรหันต์ 500 องค์นอกจากนั้นยังมีอีกหลายจุดให้สามารถถ่ายรูปได้ ใครชอบถ่ายสถาปัตยกรรมจีนโบราณที่นี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งจุดที่ถูกใจแน่นอนค่ะ

วัดหลัวฮั่น (Luohan Temple 罗汉寺)
เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวัน 8.00–17.00 น.
การเดินทาง : ลงรถไฟฟ้าสถานี Xiaoshenzi Station ทางออก 4A หรือ สถานี Xiaoshenzi Station ทางออก 6

The Ring ศูนย์การค้าสุดอลัง ย่านสถานี Chongguang ดีไซน์สุดสวย มีสวนพฤกศาสตร์ในร่มสุดปังใจกลางห้างเลย

แลนด์มาร์คสุดท้ายขอพามาอัพเดทมุมถ่ายรูปสวยๆ ใหม่ๆ ใน ฉงชิ่ง (Chongqing) กันที่ The Ring ที่นี่คือศูนย์การค้าแห่งใหม่ที่สร้างขึ้นโดย HongKong Land Group เค้าจัดเต็มมาก เหมือนสร้างสวนพฤกศาสตร์ย่อส่วนไว้ในห้างเลย โดยมีไฮไลท์คือ “Tree Light Forest” เพื่อสร้างภูมิทัศน์แนวตั้งครอบคลุมพื้นถึงที่ 7 ชั้นและสูง 42 เมตร จนกลายเป็นมุมถ่ายรูปใหม่ที่ใครๆ ก็ต้องมาถ่าย

โดยสวนพฤกศาสตร์ในร่มนี้ จะมีพันธุ์ไม้ป่าฝนเขตร้อนเกือบ 300 ชนิด รวมถึงมีไฮไลท์ 3 จุด ไม่ว่าป่าแขวนลอย มีต้นไม้ใหญ่แขวน 7 ต้นแขวนอยู่ลอยอยู่บนอากาศ มีน้ำตกลอยฟ้าสูง 20 เมตรและฉากอินเทอร์แอคทีฟ 12 ฉาก ทำให้ห้างดูร่มรื่นไปเลย จุดนี้เข้าฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายด้วยนะ ใครไปฉงชิ่งอย่าลืมไปอัพเดทกัน

The Ring
การเดินทาง : ลงรถไฟฟ้าสถานี Chongguang ทางออก 1

--

--

วาไรตี้ ชีวิตป้า..ช้อปปิ้ง..กิน..เที่ยว คลิกเดียว..ครบหมด!!