เที่ยวโอซาก้าง่ายๆ ชี้เป้าพิกัดถ่ายรูปสวย ใช้ Osaka Amazing Pass เที่ยวเองได้ไม่ต้องง้อทัวร์

Aumjumma & The Gang
Aumjumma
Published in
10 min readMay 29, 2019

--

หากจะถามว่าเมืองไหนในญี่ปุ่นที่เที่ยวง่าย แถมมี Pass ต่างๆ ช่วยให้เราเดินทางสะดวกในราคาประหยัด หนึ่งในลิสต์ก็ต้องยกให้ เมืองโอซาก้า แห่งภูมิภาคคันไซ เมืองยอดฮิตของคนไทยที่มีที่เที่ยวมากมายทั้งในและเมืองรอบๆ ไม่ว่าจะเป็นปราสาทโอซาก้า ตะลุยกินตะลุยช้อปที่ย่านชินไซบาชิ หรือไปย้อนวัยเด็กกับเหล่าตัวการ์ตูนสุดโปรดที่ Universal Studio Japan แถมมีที่ลับๆ สวยๆ ซ่อนอยู่อีกเพียบ

ส่วนการเดินทางเที่ยวโอซาก้าในตัวเมืองก็ง่ายและสะดวกเว่อร์ อย่างรอบนี้ในตัวเมืองโอซาก้าป้าก็จะใช้ Osaka Amazing Pass มีทั้ง 1 และ 2 วัน ป้าซื้อผ่าน Traveloka มาจากไทย ราคาเริ่มต้นแค่ 765–1,020 บาทเท่านั้น โดย Pass นี้เป็นทั้งเป็นตั๋วรถไฟใต้ดิน รถราง รถบัส รถไฟเอกชนได้หมด แต่ความพิเศษของมันคือเป็นเหมือนตั๋วเข้าชมแลนด์มาร์คฟรี ได้อีก 50 อย่าง รอบๆ โอซาก้าเลยจ้า บอกเลยคุ้มสุดๆ ไปลองดูกันว่าโอซาก้าก็เที่ยวเองได้ไม่ต้องง้อทัวร์จริงรึเปล่า

บินสบายนอนไปโอซาก้า Thai Lion Air Premium Economy ดีเทียบเท่า Business Class บริการเหมือน Full Service เบาะนอนราบได้ รวมอาหาร กระเป๋า 30 โล เริ่มต้นแค่เที่ยวละ 9200+

รอบนี้นอนไปโอซาก้า ลองจอง Thai Lion Air Premium Economy บอกเลยว่าเริ่ดมากคือเพิ่มจากราคาปกติขึ้นมาขาละประมาณ 4,000 บาท แต่สิ่งที่ได้มาบอกเลยว่าคุ้มค่ามากๆ คือเหมือน Business Class เลยเธ้อ ไม่ว่าจะได้ เช็คอินในช่องทางพิเศษ / เรียกขึ้นและลงเครื่องก่อน / เก้าอี้ที่นั่งปรับเอนนอนได้แบบเกือบ 180 องศา / มีจอ Entertainment แบบสัมผัสได้ มีหนัง มีเกมส์ มีเพลงให้ฟัง / กระเป๋าในประเทศได้ 20 กิโล ต่างประเทศได้เป็น 30 กิโล Carry-on ได้ 1 ใบ ไม่เกิน 7 โล / มีอาหารว่าง 1 ชุด และ ข้าว+น้ำอีก 1 ชุด /มีหมอน-ผ้าห่มฟรี ในตลาด Low Cost ป้ารู้สึกว่ายังไม่มีให้ได้มากขนาดนี้นะ

ตัวที่นั่งสามารถกดปุ่มปรับระดับเอนได้ ปรับแยกเฉพาะส่วนได้ หรือจะกดปุ่มเดียวแล้วให้ปรับเอนนอนราบไปเลยก็ได้ และที่สำคัญมีปุ่มกดนวดได้ด้วยอ่ะ เจ๋งๆ ส่วนปลั๊กอื่นๆ ก็มีทั้งปลั๊กไฟ และตัว USB Charger ชาร์ตโทรศัพท์ระหว่างบินไปได้ มีน้ำเปล่าเสียบไว้ให้ 1 ขวด สามารถขอเพิ่มได้ตลอดไม่มีคิดเงินเพิ่ม

ส่วนอันนี้ปรับนอน(เกือบ)ราบ จะเห็นได้ว่ามันปรับเอนลงไปได้เยอะม้ากก จากที่เช้าๆ ง่วงๆ ได้นอนพักร่างไปโอซาก้าถือว่าเป็นการชาร์ตแบตไปในตัว ถึงนู่นก็สดชื่นพร้อมเที่ยวได้เลย

สิ่งเดียวที่กินขาดจากสายการบิน Low Cost อื่นๆ คือ ทั้ง Economy และ Premium Economy ของ Lion Air นั้นมีจอทุกที่นั่งจ้า ทำให้รู้สึกเหมือนได้นั่ง Full Service ไปเลย ยิ่งฝั่ง Lion Air Premium Economy คือจอใหญ่เอาเรื่อง ประมาณ 11 นิ้ว

ส่วนตัว รีโมท PTV เป็นอันเล็กๆ น่ารักๆ กดปุ่มปิด-เปิดไฟ เรียกพนักงานได้ และปุ่มเหลี่ยมๆ เป็นเหมือนตัว Touch Pad คล้ายๆ เม้าส์ในโน๊ตบุ๊คเลยจ้า ส่วนด้านหลังก็เป็นเหมือนจอยสติ๊กเอาไว้เล่นเกมส์ได้ ออกมาได้ค่อนข้างลงตัวเลย

สำหรับหนังถือว่ามีให้เลือกหลายแบบทั้ง Hollywood หนังจีน หนังแขก มีรายการทีวี เกมส์ ต่างๆ ให้นั่งเล่นกันไปเพลินๆ ตลอดระยะเวลาการเดินทาง สามารถดู Airshow ได้ ดูเส้นทางการบินได้ อาจจะไม่ได้สมบูรณ์เท่ากับ Full Service แต่ได้เท่านี้ป้าคิดว่าดีมากมายสำหรับสายการบิน Low Cost แล้ว

พอเครื่อง Take off ได้ซักพัก พนักงานก็จะเข้ามาถามว่ารับชาหรือกาแฟ แล้วก็มีเสิร์ฟให้พร้อมขนมปังไส้ทูน่าก้อนโต ตอนแรกก็แอบคิดว่า เอ..หรืออันนี้คืออาหารประจำไฟลท์แค่นี้รึเปล่า แต่เปล่าจ้าหมดชุดนี้เราสามารถเลือกได้ว่าจะรับข้าว+น้ำอีกชุดนึงตอนไหน จะกินแล้วค่อยนอน หรือจะนอนแล้วค่อยตื่นมากินก่อนลงเครื่องก็ได้

ของป้าเลือกนอนก่อนแล้วค่อยตื่นมากินก่อนลงเครื่อง ตัวอาหารอาจจะดูธรรมดา แต่อย่างน้อยป้าว่าก็โอเคนะ ไม่เสียเงิน แถมได้ทั้งอาหารว่างและอาหารอุ่นร้อน รสชาติใช้ได้อยู่ เป็นไก่เทอริยากิกับน้ำเปล่า กินรองท้องก่อนถึงญี่ปุ่น

ป้าว่า Thai Lion Air Premium Economy นี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งคำตอบในเรื่องความคุ้มค่าที่สุดละ ทำการบ้านมาดี ราคาก็ไม่ได้แรงมาก เพิ่มเงินอีกนิดแต่ชีวิตดีขึ้นอีกเยอะใครอยากจะอ่านรีวิวตัวเต็มกดลิ้งค์นี้เลย >> รีวิว Thai Lion Air Premium Economy

เช็คราคาตั่วเครื่องบินไปโอซาก้าราคาสุดคุ้มที่ Traveloka

เที่ยวโอซาก้าแบบง่ายๆ ซื้อตั๋วและPass ล่วงหน้าผ่าน Traveloka จากไทย ไม่ต้องปริ้นท์แค่โชว์ QR CODE รับตั๋วตัวจริงได้ที่สนามบินเลย

มาลงถึงสนามบินคันไซ หลังจากผ่าน ต.ม. แล้ว แนะนำให้รีบมาต่อคิวรับ Pass ต่างๆ ที่เราซื้อมาจากไทยที่บูธ HIS ป้ายน้ำเงินนี้เลย จะอยู่ติดกับ Arrival Information ที่ชั้น 1 เค้าจำกัดให้รับจากที่นี่เท่านั้นใครช้านี่รอต่อคิวนานเลยน้ากว่าจะได้เข้าเมือง

วิธีแลกก็ง่ายๆ ไม่ต้องปริ้นท์ Voucher ไป เปิดเมลล์ที่ทาง Traveloka ส่งมาให้ เอา Barcode ให้เจ้าหน้าที่แสกนเป็นอันเสร็จพิธี โดยรอบนี้ในตัวเมืองป้าใช้ตัว Osaka Amazing Pass จองล่วงหน้าจากไทยที่ลิงค์นี้ >> http://bit.ly/2LZZ2VV ส่วนเที่ยวเมืองรอบๆ โอซาก้าใช้ Kansai Wide Area Pass แบบ 5 วัน จองล่วงหน้าจากไทยที่ลิงค์นี้ >> http://bit.ly/2WRAuiG

ส่วนขาเข้าเที่ยวโอซาก้า ป้ามาซื้อตัว ICOCA+HARUKA ตรง JR Ticket Office อันนี้เป็นตั๋วชุดราคาพิเศษนั่งชินคันเซ็นเข้าเมืองโอซาก้า ไปลง Shin-Osaka ก็ประมาณ 50 นาทีเท่านั้น ตัวแพคนี้เค้าก็จะมีบัตร ICOCA ลายพิเศษที่มีขายเฉพาะสนามบินมาให้ มีให้เลือกลายคิตตี้กับยักษ์ญี่ปุ่น ในบัตร ICOCA ก็จะมีเงินในบัตรอยู่ 2,000 เยน (ค่ามัดจำ 500 เยน) และตั๋วรถไฟชินคันเซ็นเข้าเมืองอีก 1 ใบ ถ้าไปลง Tennoji 3,100 เยน ลง Shin-Osaka 3,300 เยน ส่วนถ้าซื้อแบบไป-กลับ ถูกลงอีก ลง Tennoji 4,200 เยน ลง Shin-Osaka 4,600 เยน ซื้อครบเรียบร้อยก็ได้เวลาตะลุยเที่ยวโอซาก้าละจ้า

เปลี่ยนปราสาทโอซาก้าให้กลายเป็นรันเวย์ ชี้เป้าจุดถ่ายรูป IG Shot คู่กับปราสาทโอซาก้าพร้อมพิกัด

เที่ยวโอซาก้าทั้งทีถ้าไม่ได้มาถ่ายกับแลนด์มาร์คอย่าง Osaka Castle เดี๋ยวเค้าจะหาว่ามาไม่ถึง แต่ถ่ายมุมเดิมๆ ยืนตัวตรงเหมือนถ่ายรูปติดบัตรมันจะน่าเบื่อ ป้าเลยรวมหามุมฮิตถ่ายยังไงไม่ให้ติดคนมาเป็นไอเดียเอาไปลองถ่ายทริปโอซาก้าครั้งหน้าจะได้มีรูปสวยๆ ลง IG อวดเพื่อนแน่นอน!!

(ซ้าย) มุมสวนญี่ปุ่น Japanese Garden มุมยอดฮิต IG Shot มุมนี้ได้เงาสะท้อนน้ำปราสาทโอซาก้าบวกวิวสวนญี่ปุ่น ดูองค์ประกอบลงตัว แต่ปัจจุบันกลายเป็นจุดทัวร์จีนมาลงถ่ายรูปกันแล้วเพราะฉะนั้นอย่ามาช่วงเที่ยงๆ เพราะทัวร์กำลังพีคควรมาช่วงเช้าหรือเย็นๆ เลยจะดีกว่า หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ช่วงหลังบ่ายยังพอได้อยู่

พิกัด : goo.gl/maps/FQoQYjmWZc28R1Sc9

(ขวา) มุมหินคู่หน้าปราสาท มุมนี้ไม่ยาก ตัดปัญหาคนด้านหลังรกๆ ทิ้งให้มีแค่เรากับปราสาทโอซาก้าเพราะมีก้อนหิน พุ่มไม้บังคนแล้ว จะถ่ายได้มุมหน้าตรงของปราสาทพอดี โพสท์ท่าสวยๆ ก็ได้ภาพเด็ดๆ แล้วจ้า

พิกัด : goo.gl/maps/fV2rrb8T9Gy5tGkx6

สำหรับคนที่มี Osaka Amazing Pass นี่สบ้ายถือบัตรเบ่งได้เข้าชมปราสาทกันฟรีๆ ประหยัดค่าเข้าไป 600 เยน แนะนำให้ขึ้นลิฟท์ไปชั่นบนก่อน แล้วเดินขึ้นไปชมจากชั้นบนสุดค่อยเดินไล่ลงมาที่ชั้นล่าง เป็นการออมแรงจ้า ส่วนชั้นบนสุด แม้ไม่เป็นมุมถ่ายคู่แต่ก็แนะนำให้ลองถ่ายดูเพราะที่นี่สามารถขึ้นมาชม Shachihoko ได้อย่างใกล้ชิดโดยหัวเป็นเสือ ตัวเป็นปลาคาร์ฟ เป็นสัตว์ในตำนานที่ทุกปราสาทต้องมีเค้ามีความเชื่อว่า Shachihoko จะช่วยบันดาลให้ฝนตกได้ ซึ่งจะช่วยดับไฟเวลาเกิด เพลิงไหม้ปราสาทนั่นเอง

(ซ้าย) มุมสะพาน Gokurabashi เป็นอีกหนึ่งมุมฮิต ที่ถ้าไม่ได้มาเช้าๆ คนล้นหลามอย่างแน่นอน ปกติเค้าจะถ่ายกันบนสะพานบ้าง ด้านล่างบ้างดังนั้นป้าเลยลองหนีคนโดยให้แบบไปยืนแถวๆ เกือบตรงกลางสะพานแล้วมองออกไปเผลอๆ ส่วนช่างภาพย่อตัวลงนิด เอาพุ่มไม้เป็นฉากหน้าและให้แนวสะพานบังคนที่เดินไปเดินมา แค่รอจังหวะไม่มีคนมายืนใกล้ๆ แบบกดชัตเตอร์โลด

พิกัด : goo.gl/maps/716sutRrSB7wFvPh8

(ขวา) มุมเรือโกซะบุเนะคู่กับปราสาทโอซาก้า อันนี้เห็นตอนกำลังเดินกลับ ใครที่มี Osaka Amazing Pass นี่ขึ้นเรือได้ฟรีเลยนะประหยัดไปได้อีก 1,500 เยน ส่วนใครไม่มีก็ถ่ายรูปเอาเนาะ เดินรอจังหวะเรือผ่านมาอยู่ในเฟรมคู่กับปราสาทโอซาก้าพอดี ก็สวยไปอีกแบบจ้า ให้เดินเลยท่าเรือ Osakajo Gozabune ไปประมาณ 300 เมตร จะมีมุมที่ถ่ายตัวปราสาทเห็น 2 ด้านพอดี

Osaka Castle
เวลาเปิด-ปิด : 9:00–17:00 น.
พิกัด :
goo.gl/maps/8D2zytVfyLW4Cwa66

Sumiyoshi Taisha หนึ่งในศาลเจ้าที่มีความเก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ไปถ่ายรูปกับสะพานโค้งสีแดงที่ติด 1 ใน 100 วิวที่สวยที่สุดในคันไซ

ใครที่หาที่เที่ยวโอซาก้าใหม่ๆ แบบไม่แมส ป้าแนะนำมาที่ศาลเจ้า Sumiyoshi Taisha เลย ที่นี่ถือว่าเป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ภายในนั้นจะเป็นที่ตั้งของเทพคามิ (เทพเจ้าชินโต) ซึ่งคอยให้ความคุ้มครองแก่นักเดินทาง ชาวประมงและชาวเรือ ชาวญี่ปุ่นนิยมเดินทางมาขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้กันด้วย แค่ทางเข้าก็ดูสวยงามอลังการเสาโทริแบบแท่งหิน ถ่ายรูปสวยไปอีกแบบค่ะ

ส่วนไฮไลท์ของที่นี่คือสะพานโค้งสีแดง Sumiyoshi Sorihashi เป็นสะพานที่ยาวถึง 20 เมตร สูง 4.4 เมตร วิวนี้ติด 1 ใน 100 วิวที่สวยที่ในภูมิภาคคันไซเลยนะ พอดีป้ามาช่วงกลางวัน เลยอาจจะเห็นเงาสะท้อนสะพานบนผิวน้ำน้อยไปนิด

ตัวโครงสร้างได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติแห่งชาติ เป็นการก่อสร้างสถาปัตยกรรม ที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาตร์ของการก่อสร้างศาลเจ้า ที่เรียกว่า Sumiyoshi-zukuri และที่นี่นอกจากจะเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดแล้ว ที่นี่ยังเป็น Power Spot สุดโด่งดังของโอซาก้า โดยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังแข็งแกร่ง ถ้าใครได้มาสักการะก็ต้องได้ผลดีกลับไปแน่นอน

ส่วนวิธีสักการะก็คือหยอดเหรียญอธิษฐานลงในตู้บริจาค >> โค้งคำนับ 2 ครั้ง >> ปรบมือ 2 ครั้ง >>โค้งคำนับอีก 1 ครั้งเป็นอันเสร็จ

นอกจากนี้ด้านศาลเจ้า เราจะเห็นคนญี่ปุ่นเค้ามาหาก้อนหินเสริมโชคกัน จะเป็นลานก้อนหินเล็กๆ ที่จะมีตัวอักษร “โกะ (五)” “ได (大)” “ริกิ (力)” กระจายอยู่ทั่วลานหินซึ่งเค้าบอกว่า ถ้าเราหาพบทั้ง 3 อันแล้วเก็บรักษาเอาไว้เป็นเครื่องรางได้ ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

Sumiyoshi Taisha
เวลาเปิด-ปิด : 6.00–17.00 น.
วิธีมา :
จากสถานี Tennoji นั่งรถรางจากสถานี Tennojiekimae ลงสถานี Sumiyoshi
พิกัด : https://goo.gl/maps/UZQvayxvMLCkDnnm6

เพิ่มดีกรีความตื่นเต้น ชมวิวเมืองโอซาก้ามุมสูงแบบ 360 องศาย่านอุเมดะ ขึ้นชิงช้าสวรรค์ Hep Five แลนด์มาร์คสีแดงแห่งโอซาก้า

ใครผ่านไปผ่านมาย่านอุเมดะคงคุ้นชิ้นกับชิงช้าสวรรค์สีแดงอันเด่นสง่าตระการตาโดย Hep Five ที่นี่เค้าจะเป็นห้างสรรพสินค้า วัยรุ่นญี่ปุ่นมาเดินเพี้ยบ มีทั้งร้านให้ช้อป มีทั้งร้านของกินเยอะแยะเลยในห้าง แต่ภารกิจวันนี้เรามาท้าความสูงขึ้นชิงช้าสวรรค์ชมวิวเมืองโอซาก้ากันจ้า

มาถึงก็กดลิฟท์ขึ้นชั้น 7 มาเลย ซึ่งถ้าใครมี Amazing Osaka Pass ก็เบ่งได้เข้าฟรีไปเลย ประหยัดไปได้ 500 เยน ตัวชิงช้าสวรรค์เค้ามีทั้งหมด 52 กระเช้า จะนั่งกี่คนก็บอกเค้าได้ แต่หนึ่งกระเช้านั่งได้ 4 คน

ภายในตัวกระเช้าก็มีแอร์และฮีตเตอร์พร้อม รอบนึงก็ประมาณ 15 นาที ถามว่ากระเช้าโคลงเคลงมั้ย ถือว่าปลอดภัยเลยค่ะ ไม่โคลงเคลงไปมา เสียดายอย่างเดียวกระจกมันไม่ค่อยสะอาดไปนิด ถ้าตัวกระจกใสๆ นี่สวยเลย มาช่วงแดดร่มลมตกถือว่ากำลังดีงามไม่ร้อนไป

Hep Five Ferris Wheel
เวลาเปิดปิด : 11.00–22.45 น. (รอบสุดท้าย)

พิกัด : https://goo.gl/maps/94mmwpcxmAhz2baX9

ไปถ่ายมุมฮิต IG Shot อันซีนโอซาก้า NAMBA YASAKA SHRINE ศาลเจ้าหัวสิงโต ไปขอพรเรื่องการเรียนและการงาน

Namba Yasaka Shrine หนึ่งในศาลเจ้าที่แปลกตาด้วยการออกแบบเป็นหัวสิงโตขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้า สูง 17 เมตร ความกว้าง 11 เมตรและความลึก 7 เมตร คนญี่ปุ่นนั้นมีความเชื่อกันว่าปากของสิงโตนั้นจะช่วยกลืนกินสิ่งไม่ดี ช่วยปัดเป่าความชั่วร้ายและนำพามาโชคลาภเข้ามา ที่นี่นอกจากคนญี่ปุ่นจะมาขอพรเรื่องการเรียนหรือด้านการงานให้เกิดความสำเร็จยังกลายเป็นอีกหนึ่งจุดที่คนชอบมาถ่าย IG Shot กันด้วยค่ะ

Namba Yasaka Shrine
เวลาเปิด-ปิด : 6.00–17.00 น.
พิกัด :
https://goo.gl/maps/kCY2KsRHYwomhVvHA

Hirakata T-Site Bookstore ร้านหนังสือโคตรชิคกับมุมกำแพงชั้นหนังสือสุดฮิตใน Instagram

Hirakata T-Site Bookstore เป็นร้านหนังสือลับที่ซ่อนตัวอยู่ในโอซาก้า แต่จะอยู่ห่างตัวเมืองออกมาซักนิด ร้านหนังสือจะอยู่ย่าน Hirakata ต้องนั่งรถไฟ Keihan Main Line จากสถานี Yodobashi มาถึงที่สถานี Hirakata ประมาณชั่วโมงนึง แต่ดีที่ออกจากสถานีแล้วเจอเลย

โดยมุมไฮไลท์จะอยู่ที่ชั้น 3 เป็นมุมอ่านหนังสือที่มีชั้นหนังสือที่สุดแสนอลังการ สูงไปจนถึงเพดานเลย ใน IG ก็จะเห็นวัยรุ่นญี่ปุ่นชอบมาถ่ายกัน มีมุมบันไดที่มีชั้นหนังสือเป็น Background สวยๆ มุมถ่ายรูปเพียบ ส่วนตัวห้างก็มีขายของชิคๆ มี Starbucks ด้วยค่ะ

Hirakata T-Site Bookstore
เวลาเปิด-ปิด : 6.00–17.00 น.
พิกัด :
https://goo.gl/maps/kCY2KsRHYwomhVvHA

เที่ยวย่านชินเซไก (Shinsekai) แวะชมหอคอยซือเท็นคาคุ (Tsutenkaku Tower) สัญลักษณ์ของโอซาก้า ชมวิวและสีสันยามค่ำคืน

สำหรับใครที่ชอบแฮงค์เอาท์ พร้อมตะลุยย่านกินดื่มแห่งโอซาก้า แนะนำให้มาย่านชินเซไก เต็มไปด้วยร้านอิซากายะเต็มไปหมด แถมโดดเด่นด้วยป้ายไฟสีสันสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์ของโอซาก้า มีร้านอาหารดังๆ ไม่แพ้ย่านซินไชบาชิเลย นอกจากนั้นยังมีแลนด์มาร์คอย่าง หอคอยซึเทนคาคุ (Tsutenkaku Tower) ที่เคยแสดงถึงความเจริญของโอซาก้าในสมัยก่อนด้วยประดับไฟสีสันจนใครๆ ก็มาถ่ายรูปกัน

ใครสายสตรีทอยากได้รูปกับโคมไฟเก๋ๆ คนไม่เยอะเท่ากับแถวชินไซบาชิ ควรมาแถวนี้เลย คนมีพอประมาณไม่ได้เยอะมาก

ส่วนสองข้างทางก็เต็มไปด้วยร้านอิซากายะ กินดื่ม แนวของทอดเพียบส่วนใครจะเดินไปหอคอยซึเทนคาคุ ก็ให้เดินตรงไปเลย

สำหรับหอคอยซึเทนคาคุ ใครที่มีบัตรเบ่งอย่าง Osaka Amazing Pass นี่เข้าฟรีเลย ประหยัดไป 700 เยน พอได้ตั๋วมาเสร็จเราก็จะขึ้นลิฟท์ไปยังจุดชมวิวที่ชั้น 4 และ 5 สามารถเดินดูวิวได้แบบ 360 องศา แต่ว่ามาตอนกลางคืน ป้าว่าแสงสะท้อนจากไฟในตัวตึกมันเยอะไปหน่อย อาจจะมองไม่ค่อยเห็นวิวข้างนอก ส่วนชั้นอื่นๆ ก็จะมีพวกภาพถ่ายของย่านชินเซไกในสมัยก่อน และก็มีร้านขายของที่ระลึก กูลิโกะก็มีขายเยอะเลยที่นี่

ส่วนใครอยากดูวิวชั้นบนสุด ถ้าคนปกติจะต้องจ่ายเพิ่ม 500 เยน แต่ใครที่มี Osaka Amazing Pass ก็ลดได้ 200 เยน จ่ายแค่ 300 เยนเท่านั้น ก็จะขึ้นไปได้ถึง Tenbo Paradise จุดชมวิวมุมสูงสุดที่ไม่มีกระจกบัง ดูวิวยามค่ำคืน

Tsutenkaku Tower
เวลาเปิด-ปิด : 9:00–21:00 น.
พิกัด :
https://goo.gl/maps/JR8rrm3e6fiBbTgK7

เปลี่ยนโลกนี้ให้เป็นสีฟ้า เที่ยวทุ่งดอกเนโมฟีลา ที่ Osaka Maishima Seaside Park (ปีนี้จัดตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย.-6 พ.ค. 62)

ใครมาไม่ทันซากุระไม่ต้องเสียใจ มาโอซาก้าช่วงสงกรานต์ก็ฟินได้ เค้ามีทุ่งดอกเนโมฟีลาสีฟ้าให้ปลอบใจที่ Osaka Maishima Seaside Park ด้วยจ้า ใครแพลนมาเที่ยว โอซาก้าแค่นั่งรถไฟต่อรถเมล์ ก็จะเจอกับทุ่งดอกสีฟ้าที่กำลังฟูๆ ริมทะเลเลยจ้า (ปีนี้จัดตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย.-6 พ.ค. 62)

สาย IG มาโอซาก้าห้ามพลาด! เพราะดอกน่ารักจิงๆ สวยเหมือนที่ Hitachi Seaside Park ที่ Ibaraki เลย แต่ที่นี่จะไม่ได้ใหญ่เท่าแล้วก็ไม่ได้มีเนินขนาดนั้น แต่จำนวนคนก็ไม่ได้เยอะมาก เพราะฉะนั้นมีโอกาสถ่ายรูปกับดอกไม้สวยๆ ได้สบายกว่า ใครมาแล้วแนะนำให้ลองไอติม 500 เยน สีฟ้าคิ้วท์ม้ากก เอามาถ่ายรูปเก๋ๆ ก็ได้ รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ กินแล้วชื่นใจดีค่ะ

ส่วนค่าเข้าคนละ 900 เยน ใครถือ Kansai Thru Pass หรือ Osaka Amazing Pass นั่ง Hanshin main line มาลงสถานี Nishikujo ก็ได้ จะได้ไม่ต้องเสียค่ารถ JR เพิ่ม สถานีทั้งสองอยู่ติดกันเลย ไป-กลับ ใช้รถเมล์สาย 81 วิ่งชั่วโมงละคัน แนะนำเผื่อเวลาให้ดีนะจ้ะ ใช้ Google maps เช็คเวลาได้

ขาไป >> ลงป้ายสุดท้ายของสาย 81 ป้าย Maeshima Sports Island ลงหน้าสวน
ขากลับ >> ข้ามมารอป้ายฝั่งตรงข้าม กลับมาลงป้าย Nishikujo หน้าสถานีเลย
ค่ารถ 210 เยน ต่อเที่ยวจ้ะ

Osaka Maishima Seaside Park
เวลาเปิด-ปิด :
9.00–17.00 น.
พิกัด :
https://goo.gl/maps/7UEvAwYYqek5BrRB8

ย้อนกลับไปวัยเด็ก ตะลุย Universal Studio Japan ตั้งแต่เช้ายันค่ำ

มาถึงโอซาก้าทั้งที จะพลาดไม่มา Theme Park สวนสนุกระดับโลกอย่าง Universal Studio Japan ได้ยังไง จะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่รับรองมาที่นี่แฮปปี้ทุกคน ซึ่งที่นี่เค้ามีให้เล่นถึง 9 โซน แต่เอาจริงๆ ถ้าไม่ได้ซื้อ Express ยังไงก็เล่นไม่ครบ ดังนั้นวันนี้ป้าเลยตั้งมิชชั่นเอาไว้ว่า ขอให้ได้อย่างน้อยซัก 3 โซนก็ถือว่าโอเคละ ใน List ก็จะมี The Wizarding World of Harry Potter™ / JURASSIC PARK™ / MINION PARK

ส่วนบัตรเข้านี่แนะนำให้ซื้อล่วงหน้ามาจากไทยเลย จะได้ไม่ต้องรอ อย่างของป้าซื้อผ่าน Traveloka แบบ Universal Studios Japan — One-day Pass (Ticket B) ตกอยู่คนละ 2,368 บาท สะดวกตรงที่ไม่ต้องปริ้นท์อะไรให้ยุ่งยาก ไปถึงทางเข้า เปิด QR Code ให้เจ้าหน้าที่เค้าแสกนเข้าได้เลย

จองล่วงหน้าจากไทยที่ลิงค์นี้ >> http://bit.ly/2Em9voa

วันนี้ก็แต่งตัวมาเป็นธีมมินเนี่ยนเลยจ้า เหลืองอ๋อยกันมาแต่ไกลเลย ยังไม่ทันจะเข้า USJ แวะเข้าไปร้านขายของที่ระลึกแปปเดียว โดนหมวกกันไปใบละ 1,000 จ้า

หลังจากนั้นก็ไปตะลุยกันที่โซนแรก The Wizarding World of Harry Potter™ เป็นหนึ่งโซนที่ห้ามพลาดเลย เพราะเหมือนจำลองยกเอาฉากในหนังของแฮรี่พอร์ตเตอร์มาไว้ที่เลย ที่สำคัญคือเครื่องเล่น Harry Potter and the forbidden journey™ นี่เป็นเครื่องที่ฮิตมาก มาครั้งแรกถ้าไม่ได้ซื้อ Express ก็ควรยอมเสียเวลามาลองซักครั้งดูนะ เข้ามาที่ประตูด้านหน้าก็เจอกับสถานีรถไฟ King Cross เลยจ้า

ด้านในก็มีร้านรวงเหมือนอยู่ในหนังเลย มีของที่ระลึกให้ละลายเงินเยนเพียบ ทั้งผ้าคลุมบ้านต่างๆ ผ้าพันคอ ไม้กายสิทธิ์ คือไม้กายสิทธิ์จะมีบางรุ่นที่สามารถใช้เสกคาถาในจุดต่างๆ ได้ในโซนนี้ด้วยนะ เกร๋สุดๆ

ส่วนเมนูที่ห้ามพลาดสำหรับมักเกิลก็คงเป็น Butterbeer มีให้เลือกทั้งแบบร้อนและเย็น มีทั้งแก้วปกติที่เป็นพลาสติกธรรมดา และแบบแก้วที่เก็บเป็นของที่ระลึกได้ ราคาก็เริ่มต้นตั้งแต่ 600–1,200 เยน ใครชอบแบบไหนก็ตามไปเก็บกันได้จ้ะ

ส่วนตัวปราสาทนี่ทำได้เนี้ยบม้ากก สวยเหมือนยกออกมาจากในหนังเลย มุมนี้น้ำจะนิ่งๆ สามารถถ่ายให้เห็นเงาสะท้อนปราสาทได้ด้วยจ้า

ตัวเครื่องเล่น Harry Potter and the forbidden journey™ บอกเลยสนุกมาก คุ้มค่ากับการยืนรอคิวเกือบ 2 ชั่วโมง เหมือนเข้าไปอยู่ในหนังจริงๆ ตรงนี้ไม่อยากสปอยส์ ใครมาแล้วต้องมาเล่นนะจ้ะ ข้างในถ่ายรูปไม่ได้นะ

ส่วนโซนที่สองที่ป้าเล็งไว้นั่งคือ JURASSIC PARK™ กับเครื่องเล่น The Flying Dinosaur อันนี้ห้ามพลาดอีกเช่นกัน เป็นรถไฟเหาะแบบนอนเล่น 555 เหมือนจะดูสบาย แต่หวาดเสียวสุดๆ รอคิวประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ป้าชอบอันนี้กว่าแฮรี่อีกนะ พอขึ้นไปเสร็จปุ๊ป รัดเข็มขัดเสร็จ เครื่องจะจับเรานอนคว่ำหน้าจ้า ความมันส์จะบังเกิด ณ ตอนนี้ รถไฟเหาะธรรมดาก็หวาดเสียวแล้ว แต่นี่นอนเล่น หมุมควงไปมา ต้องลองๆ

ส่วนอีกอันในโซนนี้จะเป็น Jurassic Park The Ride รับประกันว่าเสื้อฝนก็เอาไม่อยู่ฮ่าๆ แต่เปียกมากเปียกน้อยอันนี้ว่ากันอีกที ส่วนของที่ระลึกก็น่ารัก แต่เสียดายป้าเอาไปเปย์หมวกมินเนี่ยนแล้ว ฮ่าๆ

ไปต่อกันที่โซนสุดท้ายนั่นคือ MINION PARK คือเป็นโซนที่น่ารักม้ากกก ตกแต่งได้น่ารักสุดๆ มินเนี่ยนมีอยู่เต็มไปหมดเลย มีทั้งร้านอาหาร มินิเกมส์ ล้วนแต่งเป็นมินเนี่ยนหมด ส่วนเครื่องเล่นของโซนนี้ Despicable Me Minion Mayhem ก็สนุกไม่แพ้กัน เด็กก็สามารถเล่นได้ จิงๆ จะออกแนว Transformer ที่สิงคโปร์แต่ไม่ได้หวาดเสียวมากขนาดนั้น ใครอยากเล่นแบบคนน้อยๆ แนะนำให้มาตอนเย็นๆ นะ

เล่นเสร็จใครรักมินเนี่ยนก็อย่าลืมแวะมาซื้อของที่ระลึกกันได้ที่ Minion Market Place มีตั้งแต่บะหมี่ ตุ๊กตา แก้วน้ำ ไปยันเสื้อผ้า ใครชอบนี่มีล้มละลายหมดตัวแน่นอน

ส่วนทริคเล็กๆ ใครที่ไม่อยากรอนาน มาให้เช้า วิ่งให้ไวไปเล่นอันที่อยากเล่นก่อนเลย หรือเลือกเล่นแบบ Single ก็ช่วยลดเวลาได้เยอะเลย และใครที่ไม่ได้เน้นว่าจะต้องดูพาเหรดโชว์ จริงๆ ช่วง Off-Peak ที่คิวคนน้อยๆ นี่ก็คือช่วงคนที่เค้าไปต่อแถวนั่งดูพาเหรดกัน ป้านี่ไปสอยมาได้อีกหลายอันเลย ยังไงใครมาเที่ยวโอซาก้าทั้งทีอย่าลืมแวะมาเที่ยว Universal Studios Japan กันน้า

Universal Studios Japan
พิกัด :
https://goo.gl/maps/b7pEFuvQWX3PejybA

Shinsaibashi แหล่งรวมที่กินที่ช้อปพร้อมละลายเงินเยนก่อนกลับไทย

ปิดท้ายทริปโอซาก้าด้วยย่านที่มาเดินบ่อยที่สุด Shinsaibashi เรียกได้ว่ามาเกือบทุกวันก็ว่าได้ เพราะเป็นแหล่งรวมที่ช้อปที่กินและเป็นแลนด์มาร์คสำคัญที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปกับป้ายไฟกูลิโกะกัน ส่วนร้านอาหารที่ขึ้นชื่อก็มีทั้ง กินปูที่ Kani Doraku หรือ กินทาโกะยากิเจ้าดัง Kougarya Takoyaki และ ราเม็งข้อสอบ Ichiran Ramen ก็อยู่แถวนี้ทั้งนี้

สำหรับคนที่มี Osaka Amazing Pass นี่เอามาเบ่งได้นะ สามารถนั่งเรือ Tombori River Cruise ได้ฟรีด้วย ประหยัดไปได้อีก 900 เยน

ส่วนร้านช้อปก็มีตลอด 2 ข้างทาง ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ร้านขายยา ร้านเครื่องสำอางค์ ร้านขายของที่ระลึกเยอะแยะไปหมด มาเที่ยวโอซาก้าทั้งทีอยากได้อะไรรับรองมีขายหมด ใครมีเงินเยนเหลือๆ เอามาช้อปปิ้งที่นี่กันได้จ้า

ย่าน Shinsaibashi
พิกัด : https://goo.gl/maps/yQCPcpZHcZTSaTnRA

NokScoot : รีวิวโซน Scoot In Silence พักผ่อนได้เต็มอิ่ม บินกลับจากโอซาก้าแบบฟินๆ ใช้เครื่องลำใหญ่ Boeing 777–200 บินไกล สบายกว่า ราคาคุ้ม

ขามาเล่นนอนกันมาแบบไฮโซละ ขากลับก็จองแบบธรรมดาแต่สบายแบบไม่ธรรมดารอบนี้บินกับ NokScoot ป้าจองโซน Scoot In Silence มาจะดีกว่าโซนธรรมดายังไงเดี๋ยวไปดูกัน ก่อนอื่นก็มาเช็คอินกันก่อนที่สนามบิน Kansai แถว D

ส่วนเวลาขากลับก็แอบเช้ากันนิดนึงต้องถึงสนามบินประมาณ 6.30 น. เท่ากับว่าเอาชัวร์ๆ ก็ต้องตื่นตี 5 มาแต่งตัวเก็บของรีบมาสนามบิน ส่วนใครอยากเน้นความสบาย เพิ่มเงินจอง ScootBiz ดูได้ เก้าอี้ตัวใหญ่กว่าเอนได้เยอะกว่า / มีอาหาร+น้ำให้ 1 ชุด / กระเป๋าได้ 30 กิโล / Check-in ในช่องทางพิเศษ / ขึ้นและลงเครื่องได้ก่อนชั้น Economy ป้าเคยรีวิวไว้แล้ว >> รีวิว ScootBiz

วันนี้กลับกับพี่ฟ้าใส NokScoot เค้าใช้เจ้า BigBird เครื่องบินลำใหญ่อย่าง Boeing 777–200 มาบินรูทนี้ ลำใหญ่กว่าสายการบิน Lowcost เจ้าอื่นๆ

ที่นั่งบนเครื่องเค้าก็จะมี 3 แบบ ก็จะจัดแบบ 3–4–3 แล้วสีม่วงกับเหลืองต่างกันยังไง สีน้ำเงินก็จะเป็น Seat ที่นั่งแบบธรรมดา ส่วนสีเหลืองก็จะยืดขาได้เยอะกว่า

ส่วนใครชอบความเงียบสงบแบบป้า อยากนอนยาวๆ ขาเหยียดได้เต็มที่แนะนำให้จ่ายเพิ่มอีกนิด เลือกโซนหลังชั้นธุรกิจ Scoot in Silence คือการันตีได้เลยว่าโซนนี้จะไม่เจอเสียงเด็กร้องเพราะเค้าห้ามเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 นั่ง เพราะฉะนั้นหลับกันได้ยาวๆ จ้า จ่ายเพิ่มอีกนิดชีวิตดี๊ดี

บินไกลแค่ไหนก็ไม่ต้องกลัวหิว เพราะตัว NokScoot Cafe สามารถสั่งอาหารล่วงหน้าได้ก่อนบิน 48 ชั่วโมงเลยนะ ผ่านทาง www.nokscoot.com ส่วนอาหารใครหิวก็สั่งมากินได้ล่วงหน้า หรือจะนอนก่อนก็ได้ หลังจากหลับไปจนเต็มอิ่มก่อนเครื่องลง แอร์ก็จะเอาอาหารที่เราสั่งไว้มาเสิร์ฟกินอิ่มนอนหลับสบายกลับไทยแบบฟินๆ

วางแผนเที่ยวโอซาก้าง่ายนิดเดียว จองผ่าน Traveloka ทั้งตั๋วเครื่องบิน โรงแรม บริการรถรับส่งสนามบิน ตั๋วรถไฟ ตั๋วเข้าชมและ Activity ต่างๆ คลิกเดียวจบครบในเว็บเดียว!!

เห็นมั้ยว่าเที่ยวโอซาก้าง่ายนิดเดียวแถมไม่แพงมาก ที่เที่ยวลับๆ ก็ยังมีอีกเพียบ ไปโอซาก้าทั้งทีให้งบประมาณไม่บานปลายเราควรวางแผนเที่ยวล่วงหน้า ป้าแนะนำเข้าไปเช็คราคาตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ตั๋วรถไฟ ตั๋วเข้าชมและ Activity ต่างๆ ล่วงหน้าราคาพิเศษที่ Traveloka ก็จะช่วยประหยัดงบไปได้อีก ออกไปท่องโลกกว้างแถมได้สิทธิพิเศษเหนือใคร มีแจก Code ส่วนลดในเว็บเรื่อยๆ จองง่ายแถมคุ้มมากขอบอก มีลูกค้าสัมพันธ์เป็นคนไทย สอบถามข้อมูลด้านไหนก็สะดวก แถมวิธีการจ่ายเงินก็มีหลายแบบไม่ว่าจะบัตรเครดิตหรือเคาเตอร์เซอร์วิสก็มีจ้า

เช็คราคาตั่วเครื่องบินไปโอซาก้าราคาสุดคุ้มที่ Traveloka

--

--

วาไรตี้ ชีวิตป้า..ช้อปปิ้ง..กิน..เที่ยว คลิกเดียว..ครบหมด!!